●● ท่องเที่ยววันหยุด วาไรตี้แสนสนุก! เรื่องราวฮอตฮิต! สิ่งที่คุณเห็น...จะทำให้คุณต้องตะลึง คลิ๊ก! ●●

หาเพื่อน หาแฟน หาคู่

เล่นเกมส์

ดูดวง

สูตรวิเศษ สาระน่ารู้ เรื่องสุขภาพ

งาน - อาชีพเสริมทำเงินล้าน

ผู้เขียน หัวข้อ: ผ่านมา 2 ปีแล้ว เรื่องนี้ที่เขียนเมื่อ 2 ปีก่อนก็ยังเหมือนเดิม  (อ่าน 1824 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ postbkk

  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 253
  • ถูกใจ 12
ผ่านมา 2 ปีแล้ว เรื่องนี้ที่เขียนเมื่อ 2 ปีก่อนก็ยังเหมือนเดิม
กลับเอามาอ่านดูก็ไม่เปลี่ยนไปเท่าไหร่ ดังนั้น เพียงแค่อัพเดทวันที่ที่เขียน อัพเดทตัวเลขหนี้ภาครัฐให้สูงขึ้น กับอัพเดทสถานการณ์ให้ทันสมัยเท่านั้น

วันนี้คนอเมริกันทั้งสิ้น 316.8 ล้านคน มีผู้เสียภาษีเงินได้ 36.1% (ไทยมีผู้เสียภาษีเงินได้เพียง 3.3%)

มีคนอเมริกัน 11.2 ล้านคนที่ตกงานอย่างเป็นทางการ (คนในวัยแรงงานทั้งหมด 144.3 ล้านคน) หากนับรวมส่วนที่ไม่เป็นทางการ จะตกงานถึง 21.2 ล้านคน เกือบ 15% ของคนวัยแรงงานทั้งหมด

มีคนอเมริกัน 4.3 ล้านคนที่ตกงานมายาวนานเกิน 6 เดือน ซึ่งตัวเลขจริงจะมากกว่านี้ เพราะหลายคนท้อถอย ไม่ยอมไปลงทะเบียนหางานอีกแล้ว

คนที่น่าห่วงที่สุดคือคนชั้นกลาง เพราะค่าจ่างแรงงานในวันนี้หากปรับด้วยอัตราเงินเฟ้อแล้วยังต่ำกว่าที่เคยได้รับเมื่อปี 1971

คนชั้นกลางตกอยู่ในภาวะยากลำบากมากขึ้นทุกที ภาษีที่จ่ายให้รัฐ แทนที่จะเอาไปทำสิ่งมีประโยชน์ต่อประชาชนอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย กลับเอาไปอีลุ่ยฉุยแฉกในหลายเรื่องที่ไม่จำเป็น รวมถึงเอาไปอุ้มแบงค์ที่ล้มจนยืนขึ้นมาได้อย่างมีกำไรมหาศาล และได้รับโบนัสมากมาย “น่าเศร้าใจแทนผู้เสียภาษี เพราะเมื่อนายธนาคารทำผิดพลาดเสียหายเป็นล้านล้านเหรียญ ธนาคารกลางสหรัฐก็จะรีบเอาเงินของประชาชนเข้าไปช่วยอุ้มทันที แต่เมื่อนายธนาคารทำกำไรได้ เขาก็เอากำไรนั้นเข้ากระเป๋าตัวเอง แล้วส่งบางส่วนไปบริจาคให้พรรคการเมืองในวอชิงตัน”

มีคน 46.9 ล้านคน ซึ่งเป็นคนแก่ 1 ใน 6 คน และเด็ก 21% ที่กำลังมีชีวิตอยู่ใต้เส้นแห่งความยากจน ในขณะที่คนที่ร่ำรวยที่สุดจำนวน 1% ของประชากรทั้งประเทศกลับมีทรัพย์สินมากกว่าทรัพย์สินของคนอีก 90% รวมกัน

มีคนอเมริกันถึง 59% ที่ได้รับเงินสนับสนุนในรูปแบบต่างๆ จากรัฐบาล

มีคนอเมริกันกว่า 15% ของประชากรรวม หรือมีกว่า 48 ล้านคนที่อยู่ได้ด้วยคูปองช่วยลดค่าอาหาร

รัฐบาลอเมริกันถังแตกเพราะรายได้คือภาษีไม่พอรายจ่ายของรัฐและเป็นแบบนี้มานานมากแล้ว ที่อยู่มาได้ทุกวันนี้ก็เพราะยังมีคนให้กู้ แถมดอกเบี้ยต่ำมากเพราะเป็น Risk Free Rate ที่ทั่วโลกใช้ US Treasury เป็นตัวอ้างอิง แสดงถึงความแข็งแกร่งของพันธบัตรสหรัฐที่คนเชื่อกันว่าไม่มีความเสี่ยงที่จะโดนเบี้ยวหนี้

แต่ความจริงน่าจะเปลี่ยนชื่อเป็น Risky Rate ได้แล้ว

ที่ต้องจับตามองก็คือ จีน รัสเซีย อินเดีย บราซิล กำลังเตรียมการปลดแอกจากการค้าขายที่อิงดอลลาร์สหรัฐ มาโดยต่อเนื่อง เพราะเขาไม่โง่ เขารู้ดีว่าดอลลาร์เสื่อมค่าลงไปทุกวัน Currency War จึงจะได้เกิดขึ้นแน่นอน และจะเป็นสงครามค่าเงินที่อาจเปลี่ยนโลกไปเลย ถ้าสหรัฐแก้ไขเรื่องหนี้ไม่ได้ กับยังคงเสกกระดาษออกมาจากแท่นพิมพ์โดยไม่มีทองคำมารองรับอย่างที่ทำมาโดยตลอด

เพดานหนี้

กฏหมายสหรัฐบังคับเพดานหนี้ที่รัฐจะก่อได้ในขณะนี้ที่ไม่เกิน 16.4 ล้านล้านดอลลาร์ (เพดานเดิมคือ 14.3 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ได้รับอนุมัติจากคองเกรสให้ขยายเป็น 16.4 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2011) อย่างไรก็ตาม ณ วันนี้รัฐบาลสหรัฐเป็นหนี้จริงปาเข้าไปถึง 16.96 ล้านล้านดอลลาร์ หรือกู้จนเกินเพดานหนี้แล้ว แต่ที่ไม่ผิดกฏหมายนั้นน่าจะเป็นเพราะเมื่อปรับรายรับรายจ่ายระยะสั้นแล้ว ยังไม่เกินเพดาน หรือมีการผ่อนผันพิเศษอะไรอยู่ ขี้เกียจหาข้อมูลเพิ่มเพราะมันไม่สำคัญเท่าไหร่

หนี้ของรัฐบาลสหรัฐในปี 2011 เท่ากับ 97% ของ GDP แต่ตอนนี้เป็น 106.6% ของ GDP แล้ว เห็นไหมว่ามันเพิ่มขึ้น

ที่น่าห่วงคือหนี้ของรัฐบาลสหรัฐที่ปรากฏเป็น 16.96 ล้านล้านดอลลาร์ หรือ 106.6% ของ GDP นั้นยังไม่ได้รวมหนี้ที่เป็นประกันสังคม สวัสดิการสุขภาพและรักษาพยาบาลอีก 125.9 ล้านล้านดอลลาร์ ถ้ารวมไปทั้งหมด หนี้ของรัฐจะเท่ากับ 897.9% ของ GDP

ทุกๆ 1 ดอลลาร์ที่ใช้ จึงมาจากการกู้เกือบ 50%

หากคองเกรสหรือรัฐสภาสหรัฐแก้ไขกฏหมายเพื่อเพิ่มเพดานหนี้ไม่ทันวันที่ 17 ตุลาคมนี้ รัฐบาลสหรัฐก็ไม่มีปัญญาจะชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จะทยอยกันเข้ามาได้ครบทุกอย่าง

คล้ายๆ เราใช้วงเงินในบัตรเครดิตจนเต็ม แล้วบิลค่าน้ำ ค่าไฟ กำลังถึงกำหนดจ่าย ค่าเล่าเรียนลูกก็จะต้องจ่ายในเดือนหน้า รายได้แต่ละเดือนก็ไม่พอแม้แค่ค่าอาหาร ค่าเดินทางไปทำงาน/ไปเรียน ไหนจะค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่ายัยแจ๋ว ค่าทำผม ค่าโทรศัพท์ ฯลฯ

เมื่อเราถังแตก อย่างแรกคือต้องลดรายจ่าย และเมื่อรัฐบาลถังแตก ก็ต้องพิจารณาลดเงินเดือน ลดลูกจ้างรัฐ ลดสวัสดิการ เรียกทหารที่ประจำการด้อมๆ มองๆ ในชาติอื่นกลับบ้าน เลิก Food Stamp ลดค่ารักษาพยาบาล ลดงบประมาณ FBI หรือ CIA ลดงบประมาณโครงการสำรวจอวกาศหรือเลิกไปเลย และอื่นๆ อีกมากมายหลายรายการ

หากทำอย่างนั้นจริง เกิดโกลาหลอลหม่านกันไปทั้งประเทศแน่ๆ ผ่านไปเป็นสัปดาห์ขยะหน้าบ้านอาจไม่มีคนงานมาเก็บไปทิ้งก็ได้ เพราะเขาเลือกที่จะประหยัดด้วยการเลิกจ้างคนเก็บขยะ โจรขึ้นบ้านโทรศัพท์ไปหาตำรวจ ก็ไม่มีใครรับ เพราะเขาเลิกจ้างตำรวจแล้ว

Cr. วรวรรณ ธาราภูมิ
CEO บลจ.บัวหลวง จำกัด
 :wanwan017: