●● ท่องเที่ยววันหยุด วาไรตี้แสนสนุก! เรื่องราวฮอตฮิต! สิ่งที่คุณเห็น...จะทำให้คุณต้องตะลึง คลิ๊ก! ●●

หาเพื่อน หาแฟน หาคู่

เล่นเกมส์

ดูดวง

สูตรวิเศษ สาระน่ารู้ เรื่องสุขภาพ

งาน - อาชีพเสริมทำเงินล้าน

ผู้เขียน หัวข้อ: หุ้น RCL บันทึกและการวิเคราะห์หุ้นกลุ่มเดินเรือ  (อ่าน 6965 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Adminis

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1206
  • ถูกใจ 116
    • เมทไทยดอทคอม | MateThai
Re: หุ้น RCL บันทึกและการวิเคราะห์หุ้นกลุ่มเดินเรือ
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: ธันวาคม 06, 2015, 11:51:50 AM »
บล.ทรีนีตี้ แนะ "BUY" RCL


บมจ. อาร์ ซี แอล (RCL)         

คำแนะนำ              BUY
ราคาเป้าหมาย          18.4 (+18%)
Median Consensus:    16.10 บาท

Stock information
ราคาปิด                                15.60 บาท
ราคาปิดสูง/ตำใน 1 ปี                15.80/9.00 บาท
มูลค่าตลาด                       12,366.10 ล้านบาท
ปริมาณหุ้น (พาร์ 1)                    792.69 ล้านหุ้น
มูลค่าตามบัญชี/หุ้น (31/3/53)               16.49 บาท
Free Float                              47.61 % 
Foreign Limit/Available             30%/12.67 %
NVDR in hand (% of shares)               0.77 %
ปริมาณหุ้นเฉลี่ย/วัน (‘000)                  2,890.34

วิเคราะห์อุตสาหกรรม
อุตสาหกรรม            ขนส่งและโลจิสติกส์
Sector Rating                  7/10

Group Earnings Growth       2552A      2553F
                            -291%      +191%

ฟื้นตัวทั้งปริมาณขนส่งและค่าระวาง

เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายใหม่ 18.40 บาทต่อหุ้น (อิง P/BV ที่ 1.1 เท่า) จากเดิม 16.00 บาทโดยมีประเด็นสำคัญดังนี้
          1. ดัชนีค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 53 ปรับตัวขึ้นมากอยู่ที่ 652 จุด เพิ่มขึ้น 4%WoW และ 95%YTD ถือว่าดีใกล้เคียงกับไตรมาส 3/51 ซึ่งเป็นไตรมาสแรกที่ RCL เริ่มขาดทุนจากการดำเนินงาน ทำให้เราคาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 2/53 จะอยู่ระดับขาดทุนประมาณ 150 ล้านบาทและกลับมามีกำไรได้ในไตรมาส 3/53
          2. อุตสาหกรรมเดินเรือคอนเทนเนอร์ฟื้นตัวทั้งปริมาณขนส่งและค่าระวาง โดยปริมาณขนส่งของ RCL ในเดือน พ.ค. 53 เพิ่มขึ้น 19.6%YoY รวม 5 เดือนแรก เพิ่มขึ้น 11.3%YoY ด้านอัตราค่าระวางของ RCL ในไตรมาส 1 อยู่ที่ 185 เหรียญฯ ต่อตู้ สูงกว่าค่าเฉลี่ยในปีก่อนที่ 177 เหรียญฯ ต่อตู้และมีแนวโน้มสูงขึ้นอีกในไตรมาส 2/53
          3. ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มอ่อนตัวลงจะช่วยลดค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 30% ของต้นทุนเดินเรือ

          - อุตสาหกรรมเดินเรือคอนเทนเนอร์ฟื้นตัวทั้งปริมาณขนส่งและค่าระวาง: ดัชนีค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 53 ปรับตัวขึ้นมากอยู่ที่ 652 จุด เพิ่มขึ้น 4%WoW และ 95%YTD อัตราค่าระวางที่เพิ่มขึ้นในช่วงนี้นอกจากจะเกิดจากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัวแล้ว ยังได้รับปัจจัยบวกจาก (1) การเข้าช่วง High Season ตามรายงานของ Maersk Line ว่าอุตสาหกรรมเรือคอนเทนเนอร์กำลังเข้าสู่ช่วง Peak Season ซึ่งเกิดจากอุปสงค์ที่ฟื้นตัวเหนือคาด ประกอบกับ (2) การขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์สำหรับขนส่งสินค้า เนื่องจากช่วง 2 ปีที่ผ่านมาผู้ประกอบการชะลอการสั่งต่อตู้คอนเทนเนอร์ใหม่ส่งผลให้ช่วงนี้เกิดปัญหาขาดแคลนขึ้นมา
          - คาดไตรมาส 2/53 จะยังขาดทุนอยู่ประมาณ 120 ล้านบาท: เราคาดการณ์ว่า RCL จะมีปริมาณขนส่งในไตรมาส 2/53 เพิ่มขึ้น 15%YoY ในขณะที่ค่าระวางเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้น ประมาณ 10%YoY เป็น 193 เหรียญฯ ต่อตู้สั้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการเดินเรือทรงตัวที่ 172 เหรียญต่อตู้สั้น คาดมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานที่  40 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทได้ซื้อคืนสัญญาเช่าเรือระยะยาว (หมดอายุ เม.ย. 2554) ที่บริษัทเช่ามาในอัตราสูง ทำให้มีค่าใช้จ่ายพิเศษในไตรมาส 2/53 ประมาณ 80 ล้านบาท (แต่จะช่วยประหยัดเงินในอนาคตได้ 40 ล้านบาท) รวมคาดขาดทุนสุทธิในไตรมาส 2/53 ที่ 120 ล้านบาท
          - ค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์ฟื้นตัวแข็งแกร่ง: จาก Chart 1 แสดงให้เห็นว่าดัชนีค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์หรือ Howe Robinson Container Index (HRCI) ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 15 และทำรูปแบบกลับในลักษณะรูปตัว U อย่างชัดเจน ตัวเลขล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ก.ค. 53 ที่ 652.0 จุด เพิ่มขึ้น 4%WoW และ 95%YTD
          - ปริมาณขนส่งตู้คอนเทนเนอร์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง:  จาก Chart 2 แสดงให้เห็นว่าปริมาณขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ของ RCL ในปี 2553 ฟื้นตัวตัวชัดเจน โดยปริมาณขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ในเดือน พ.ค. 53 เพิ่มขึ้นเป็น 213,335 ตู้สั้น (TEU) หรือเพิ่มขึ้น 19.6%YoY รวม 5 เดือนแรกเพิ่มขึ้นเป็น 1,017,637 ตู้สั้นหรือเพิ่มขึ้น 11.3%YoY ในขณะที่ปริมาณขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ 2 เดือนแรกในไตรมาส 2/53 อยู่ที่ 416,720 ตู้สั้นหรือเพิ่มขึ้น 17.8%YoY
          - ปรับประมาณการปี 2554 เพิ่มขึ้นอีก 24% เป็น 1,941 ล้านบาท: เราปรับสมมติฐานค่าระวางเรือของ RCL สำหรับปี 2554 เพิ่มขึ้นเป็น 210 เหรียญฯ ต่อตู้สั้นจากเดิม 200 เหรียญฯ ต่อตู้สั้น (ดูรายละเอียดได้ใน Table 4) ส่งผลให้ประมาณการกำไรสุทธิในปี 2554 เพิ่มขึ้นอีก 24% เป็น 1,941 ล้านบาท
          - ผู้บริหารของ Maersk Line คาดว่าอุตสาหกรรมเรือคอนเทนเนอร์จะไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญในกรณีที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง: เมื่อวันเสาร์ที่ 3 ก.ค. 53 ผู้บริหารของ AP Moller-Maersk บริษัทเจ้าของสายเดินเรือ Maersk Line ได้ให้สัมภาษณ์ว่าอัตราค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์จะฟื้นตัวไปอยู่ระดับก่อนวิกฤต (เทียบเท่ากับ Howe Robinson Container Index ที่ประมาณ 1,000 จุด) ภายในสิ้นปี 2553 นอกจากนี้ยังแสดงความเห็นว่าอุตสาหกรรมเรือคอนเทนเนอร์จะไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญในกรณีที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัว เนื่องจากมีปัจจัยหนุนจากปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ทำให้ผู้ประกอบการยังสามารถคิดค่าธรรมเนียมเพิ่มได้

การประเมินมูลค่าหลักทรัพย์
          เนื่องจากอุตสาหกรรมเดินเรือคอนเทนเนอร์ยังอยู่ในช่วงเริ่มฟื้นตัวทำให้เราจึงเลือกประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ด้วยวิธี PBV ภายใต้สมมติฐาน PBV 1.1 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคที่ 1.3 เท่า) ได้ราคาเป้าหมายสำหรับปี 2553 ที่ 18.40 บาทต่อหุ้น

โดย บมจ. หลักทรัพย์ทรีนีตี้ ประจำวันที่ 9 ก.ค. 2553

 


ออฟไลน์ Adminis

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1206
  • ถูกใจ 116
    • เมทไทยดอทคอม | MateThai
Re: หุ้น RCL บันทึกและการวิเคราะห์หุ้นกลุ่มเดินเรือ
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: ธันวาคม 06, 2015, 11:55:44 AM »
ในเมื่อเล่นลากเร็วผิดคาด งั้นขอดับเครื่องชนนะ เทพ rcl

ว่าจะไม่โพสอีกแล้ว แต่ดันหุ้นแบบนี้ ยอมรับว่าเสียจังหวะไม่ได้หุ้นตามเป้า งั้น ขอ แฉ  ด้วยข้อมูลที่หลายคนมองข้าม
Howe Robinson Container Index ซึ่งเป็นตัวแทนของ ค่าระวางเรือของคอนเทนเนอร์ ทั้งหลาย ซึ่งหลายคนมองข้าม มัวแต่ไปจ้องแต่ bdi ของ tta ดูพัฒนาการให้ดี แล้วตัดสินใจเองนะ
28 ตค 2009 Howe Robinson Container Index 333.9   4 พย 333.8   11 พย 334.8  18 พย 334.9  25 พย 329.6  2 ธค 330.8  9 ธค 330.7  16 ธค 333.0 23 ธค 333.9 30 ธค  333.9
จะเห็นได้ว่า ช่วงปลายปีที่แล้ว HRCI  ย่ำอยู่แถว 333   พอเริ่มปีใหม่ ไตรมาสแรกที่ผ่านมา 6 มค 335.5  13 มค 334.5 20 มค 335.5 27 มค 339.3  3 กพ 339.9  10 กพ 349.2  17 กพ 352.3
24 กพ 357  3 มีค 357 10 มีค 364 17 มีค 374 24 มีค 370  จบไตรมาสแรก ประกาศงบ ขาดทุน น่าจะ 400 กว่าล้าน สมเหตุสมผล HRCI เริ่มมีทิศทางปรับตัวดีขึ้น แต่ความมันส์กำลังจะมา ใน ไตรมาส2 ปีนี้   เริ่มที่ 1 เมย 372.5  8 เมย 382.5 15 เมย 390.5 22 เมย 399 28 เมย 427   6 พค.440  13 พค 467  19 พค 479 26 พค 497  หยุดที่ตรงนี้ไว้ก่อน จากเริ่ม ไตรมาส 2  1 เมย-26 พค
HRCI เฉลี่ย จะอยู่ที่ 438.5  ซึ่งพอดีเป๊ะกับ จุดที่ rcl จะเริ่มเท่าทุน break event  พอดี นั่นหมายความว่าถ้า HRCI ช่วงที่เหลือของไตรมาส 2 ถ้าสูงกว่า 438.5 เรือน่าจะวิ่งโดยมีกำไรติดตัวละ มาดูต่อ
3 มิย 532  10 มิย 569 และล่าสุด สดๆร้อนๆ 16 มิย 597  เห็นอะไรบ้างมั้ย นี่แค่ไตรมาส 2 นะ ยังไม่รวมราคาน้ำมันที่เป็นต้นทุนที่ลดลงใน ไตรมาส 2 แถมเบิ้ลด้วยปริมาณการขนส่งที่ขยายตัวขึ้น
ใน ไตรมาส 3 ยิ่งมันส์ ช่วง high season  การบล็อคราคาช่วงเพิ่มทุน จบ ลงแล้วนะ  HRCI จะมีทิศทางเป็นยังไง ผมว่าผมพอเดาได้นะ สนใจแลกเปลี่ยนความคิดเห็นค่อยสอบถามส่วนตัว แต่ที่แน่ๆ
มันคนละทางกับ bdi ของ tta แน่ๆ ย่อยทั้งหลายจ้องแต่ tta ซะด้วยสิ เข้าล๊อค โป๊ะเช๊ะ  ถึงได้ยังหวังลึกๆว่า ถ้าราคา rcl มันดันไปเท่ากับ tta จริงๆ ผมคนนี้ ขอกราบคาราวะ ท่าน เทพ rcl
แถมข่าวช่วงนี้ ขอโทษ แปลไม่ออก US box imports set for double-digit growth
Study predicts 10%-15% rise in volumes during May through to October
แล้วก้อ Maersk set to impose huge peak season surcharges
Line to bring in peak season surcharge on the westbound Asia-North Europe trade of $750 per teu, $1,000 per feu and $1,200 per high-cube feu
ผู้รู้ ช่วยแปลที   จากนี้ไป จะดันก็ดันไปซะ แต่ถ้าทุบลงมา  Jcrisจะขอทวงหุ้นคืนละ   พอละ เลิกโพส rcl  จริงๆละ  ขอให้โชคดีครับ

อ่านต่อ...
http://www.doohoon.com/smf/index.php?topic=38412.0

 :wanwan017:

ออฟไลน์ Adminis

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1206
  • ถูกใจ 116
    • เมทไทยดอทคอม | MateThai
Re: หุ้น RCL บันทึกและการวิเคราะห์หุ้นกลุ่มเดินเรือ
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: ธันวาคม 06, 2015, 11:59:20 AM »
หุ้นสายการเดินเรือฟื้นไข้ ได้ปัจจัยราคาน้ำมันถูกเสริม


สำหรับผู้ที่รักผลตอบแทนที่สูงขึ้นละรับความเสี่ยงได้มากขึ้น นอกจากหุ้นในธีมชุมชนเมืองเติบใหญ่แล้ว ยังมีหุ้นอีกกลุ่มหนึ่งที่น่าจะจัดเป็นหุ้นฟื้นไข้ น่าสนใจอยู่เหมือนกัน ลุงขอยกตัวอย่างกรณีศึกษาสักหนึ่งราย นั่นคือ หุ้นสายการเดินเรือคอนเทนเนอร์ หรือสายเรือตู้

จำได้ไหมที่ลุงแมวน้ำเคยคุยเรื่องเรือเทกอง เรือเทกอง (เรือที่ขนส่งวัตถุดิบ เช่น แร่ สินค้าเกษตร ฯลฯ) มีดัชนีค่าระวางเรือคือ BDI ส่วนเรือคอนเทนเนอร์หรือเรือตู้นี้ เป็นเรือขนส่งสินค้าสำเร็จรูปหรือสินค้าที่ผลิตแล้ว ค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์ดูได้จาก ดัชนีโฮว์รอบินสัน (Howe Robinson Container Index, HRCI)

จากกราฟ HRCI จะเห็นว่าค่าระวางเรือตู้ค่อยๆดีขึ้นมาหลายปีแล้ว แม้จะค่อยๆขยับขึ้นช้าๆ แต่ก็ดูมั่นคงดี สะท้อนภาพของเศรษฐกิจโลกที่ค่อยๆฟื้นตัวอย่างช้าๆ แม้ช้าแต่ก็ฟื้นตัวได้ละน่า

ปัจจัยที่น่าสนใจของเรือตู้นี้ก็คือ ราคาน้ำมันที่ร่วงแรง แต่ราคาค่าระวางเรือไม่ลด นั่นคือราคาขายเพิ่มขึ้นและต้นทุนลดลง ยังงี้กำไรก็มากขึ้นสิ ก็คาดการณ์กันว่าหุ้นเรือตู้น่าจะมีผลประกอบการที่น่าประทับใจในปี 2015 นี้

หุุ้นเรือตู้ที่อยู่ในตลาดหุ้นไทยมีเพียงหุ้นเดียว คือ RCL ดังกราฟที่ลุงแมวน้ำนำมาให้ดู หุ้นนี้เป็นหุ้นเก่าแก่ ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก สามารถเอาตัวรอดมาได้จนทุกวันนี้ บ่งบอกถึงฝีมือการทำงานที่ไม่ธรรมดา อีกทั้งธรรมาภิบาลก็ใช้ได้ ราคาตอนนี้ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีเสียอีก ค่าพีอียังไม่มีเนื่องจากขาดทุนอยู่ แต่ต้องดูงบ 2014 ทั้งปี (ยังไม่ออก) อาจพลิกเป็นมีกำไรนิดหน่อยจากไตรมาสสุดท้าย หุ้นนี้ก็เป็นแนวฟุ้นฟื้นไข้ที่น่าสนใจคร้าบ

ดูกราฟได้ที่
http://uncaseal.blogspot.com/2015/02/blog-post_24.html
หุ้นสองกลุ่มสองมุม อุ่นใจหรือฟื้นไข้

 :wanwan017:

ออฟไลน์ Adminis

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1206
  • ถูกใจ 116
    • เมทไทยดอทคอม | MateThai
Re: หุ้น RCL บันทึกและการวิเคราะห์หุ้นกลุ่มเดินเรือ
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: ธันวาคม 06, 2015, 12:02:38 PM »
CL หญิงเล็ก สวยเปรี้ยวเอาแต่ใจตัว
เธอเป็นสาวสวยที่หนุ่ม ๆ จะทำความเข้าใจเธอได้ยากที่สุด ยากที่จะอธิบายอยากรู้ต้องทำความรู้จักด้วยตัวเอง บางครั้งน่าจะออกวิ่งตามหญิงใหญ่และหญิงกลางเธอก็เฉย วันดีคืนดีเธอก็ไม่รู้ไปได้ยาดีมาจากไหนวิ่งชนเพดานม้วนเดียวจบ
รอบใหญ่ ๆ ปรับลงจากประมาณ 38 มาที่ระดับต่ำสุด ๆ เพียงแค่ 5 +/- สืบเนื่องมาจากผลขาดทุน หลัง ๆ นี้พอราคาพ้น 10 เห็นนักวิเคราะห์หลายค่ายเริ่มเชียร์ แหล่งข่าวล่าสุดประเมินว่าจากอัตราค่าระวางที่เริ่มปรับขึ้น + งาน Expo ที่เซี่ยงไฮ้ ร่วมกับการประกาศเพิ่มทุน 4:1 @ 12 บาท โดยกำหนดวัน XR 12 พ.ค. หรือพุธนี้ จะทำให้เธอเลือดหยุดไหลพลิกกลับมาเป็นกำไรได้ ประเมินราคาไว้ที่ 14.50 บาท

โดยคุณ เป่า ยิ้ง ฉุบ
 :wanwan017:

ออฟไลน์ Adminis

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1206
  • ถูกใจ 116
    • เมทไทยดอทคอม | MateThai
Re: หุ้น RCL บันทึกและการวิเคราะห์หุ้นกลุ่มเดินเรือ
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: ธันวาคม 06, 2015, 12:05:57 PM »
Howe Robinson Container Index สูงสุดในรอบ 3 ปี

หลังจากที่ส่วนใหญ่ผิดหวังกับผลประกอบการในไตรมาส 3 ปี 2557 ที่กำไรน้อยกว่าไตรมาส 2 ปี 2557  แม้ว่าจะเทียบกับไตรมาส 2 ปีที่แล้ว  พลิกจากขาดทุนมาเป็นกำไรได้ก็ตาม  เลยส่งผลให้นักลงทุนที่รู้สึกผิดหวังกับผลประกอบการ ขายหุ้นทิ้งแบบไม่มีเยื่อใยกับหุ้นตัวนี้อีกไป  ทำให้ราคาหุ้นลงมาแรงมากๆ

โดยทั่วไปแล้ว  การเอากำไรของเรือมาเทียบ QoQ นั่นคงไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่  เรือมันก็มีปัจจัยผลกระทบทางด้านฤดูกาลด้วย  เพื่อขจัดปัจจัยด้านฤดูกาลควรจะใช้ YoY มากกว่า  ในช่วงไตรมาส 3 ก็อย่างที่ทราบกันดีว่าเป็นช่วงหน้าฝน เป็นฤดูมรสุม  การเดินทางทางทะเลย่อมมีอุปสรรคมากกว่าช่วงฤดูอื่นๆ  แม้สเปรดไตรมาส 3 ปี 2557 จะมากกว่าไตรมาส 2 ปี 2557  มันก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้กำไรในไตรมาส 3 ดีกว่าไตรมาส 2 ได้ครับ

แม้ไตรมาส 3 จะผิดหวัง  แต่ว่าสำหรับนักลงทุนที่มีความเชื่อมั่นอยู่  ไตรมาส 4 ก็ไม่น่าจะสิ้นหวังนะครับ

Howe Robinson Container Index ล่าสุดขึ้นไปอยู่ที่ 544 จุด  ทำจุดสูงสุดในรอบ 3 ปีเลยทีเดียว  น่าจะพอหวังได้ว่าทิศทางของเรือตู้ยังไม่ใช่ขาลงครับ

อ่านต่อ...
http://pantip.com/topic/32853459

 :wanwan017:

ออฟไลน์ Adminis

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1206
  • ถูกใจ 116
    • เมทไทยดอทคอม | MateThai
Re: หุ้น RCL บันทึกและการวิเคราะห์หุ้นกลุ่มเดินเรือ
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2015, 01:11:03 PM »
จันทร์ที่ 24 สิงหาคม 2552

RCL บวก 6.12% สัญญาณค่าระวางกลุ่มคอนเทนเนอร์ฟื้น-คาดปีหน้าพลิกเป็นกำไร

หุ้น RCL ราคาวิ่งขึ้น 6.12% มาอยู่ที่ 10.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท มูลค่าซื้อขาย 65.10 ล้านบาท เมื่อเวลา 15.16 น. โดยเปิดตลาดที่ 10.10 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 10.60 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 10 บาท

ล่าสุดเมื่อ 15.25 น.ราคาหุ้น RCL อยู่ที่ 10.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท(+5.10%)มูลค่าซื้อขาย 65.33 ล้านบาท

Fund Survey บล.ฟาร์อีสท์ แนะ"ซื้อเก็งกำไร"หุ้น บมจ. อาร์ ซี แอล (RCL) แม้ BDI จะทำจุดต่ำสุดอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับ FFA และ BDI-Future ส่งผลกระทบต่อเรือประเภทเทกอง (TTA,PSL) แต่ทว่าเรากลับเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของดัชนีค่าระวางกลุ่มคอนเทนเนอร์ (Howe Robinson Container Index) ฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดอย่างต่อเนื่อง

RCL ประกาศผลขาดทุน 4 ไตรมาสติดนับตั้งแต่ 3Q08 หลังจากโลกเผชิญกับวิกฤต Sub-prime แต่ทว่าข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ดูดีวันดีคืน ควบคู่ไปกับการฟื้นตัวอย่างช้าๆของยุโรป ทำให้คาดว่าปริมาณการค้าระหว่างประเทศจะเพิ่มขึ้นในช่วง 2H09 ส่งผลให้ 1H09 กลายเป็นจุดต่ำสุดของเศรษฐกิจโลก และหลังจากนั้นคาดว่าบริษัทจะรายงานผลขาดทุนลดลง และจะพลิกมาเป็นกำไรในปีหน้า

นักวิเคราะห์ทำการปรับประมาณการผลกำไรในปีหน้าของ RCL เพิ่มขึ้นจากขาดทุน 1.4 บาท/หุ้นใน 2009 จะพลิกเป็นกำไร 0.58/หุ้นในปีหน้า และ 1.50/หุ้นในปี 2011 และนั่นหมายความว่าจะส่งผลให้นักวิเคราะห์ต้องปรับเป้าหมายเพิ่มจากเดิมที่ 13.6 บาท ขึ้นอีกอย่างน้อย 30-50% เพื่อสะท้อนผลกำไรที่พุ่งสูงขึ้น และตามมาด้วยการปรับระดับคำแนะนำการลงทุนจากปัจจุบันที่ 50% Buy และ 42% Sell ให้ดีกว่าเก่าในท้ายที่สุด

ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายที่ P/BV เพียง 0.4 เท่า ต่ำกว่า TTA, PSL และ EM Asia ที่ 1, 0.6 และ  1.1 เท่า และหากใช้ P/BV เฉลี่ย 5 ปีที่ 1.1 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของ Container ที่ 1.3 เท่า และหากอิงจาก Relative P/BV และ Historical P/BV จะได้ราคาเป้าหมายของ RCL ที่ระดับ 26 บาท หรือ Upside จากปัจจุบัน 166%

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)
 :wanwan017:

ออฟไลน์ Adminis

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1206
  • ถูกใจ 116
    • เมทไทยดอทคอม | MateThai
Re: หุ้น RCL บันทึกและการวิเคราะห์หุ้นกลุ่มเดินเรือ
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2015, 01:15:12 PM »
14  กันยายน 2009

   RCL    ประกอบธุรกิจขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทางทะเลภายในภูมิภาคเอเชียเหนือ กลาง ใต้ ตะวันตก และออสเตรเลีย โดยให้บริการขนส่งในเส้นทางระหว่างเมืองท่าหลักที่เป็นศูนย์กลางขนถ่ายสินค้ากับเมืองท่าย่อยทั้งต้นทางและปลายทางที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง    จากรายงานปริมาณขนส่งเดือน ก.ค. ลดลง 25%YoY มาอยู่ที่ 179,681 TEUs  ส่งผลให้ 7 เดือนแรกปริมาณขนส่งลดลง 21.6%YoY 

สำหรับแนวโน้มค่าระวางเรือในไตรมาส 3 เริ่มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดย Howe Robinson Container Index สร้างจุดต่ำสุดไว้ที่ 340.2 ในวันที่ 5 ส.ค. ที่ผ่านมา และดัชนีก็เริ่มปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 4 สัปดาห์ มาอยู่ที่ 348.3 จุด   แต่สัญญาการฟื้นตัวของค่าระวางเรือก็เกิดขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากปริมาณขนส่งสินค้าในตลาดโลกที่เริ่มกลับมาสูงขึ้น

โดยล่าสุดสัปดาห์ก่อนบริษัทเมิร์สก์ไลน์ ซึ่งเป็นบริษัทเดินเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก็ประกาศปรับเพิ่มค่าระวางเรือขึ้น โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา  ทำให้เห็นได้ว่าแนวโน้มค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์ได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และคาดว่าจะค่อย ๆปรับตัวเป็นขาขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อค่าระวางเรือของ RCL ด้วย

โดยเรามองปีหน้าผลประกอบการของ RCL จะกลับมาเป็นบวกจากค่าระวางเรือที่ดีขึ้นและแนวโน้มของเศรษฐกิจที่คาดว่าจะฟื้นตัว   คำแนะนำ   ซื้อ    แนวรับ   11.10  บาท  แนวต้าน  12.30   บาท

ที่มา http://www.thunhoon.com/krazip/00833/00833.html

ออฟไลน์ Adminis

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1206
  • ถูกใจ 116
    • เมทไทยดอทคอม | MateThai
Re: หุ้น RCL บันทึกและการวิเคราะห์หุ้นกลุ่มเดินเรือ
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2015, 01:21:35 PM »
RCL น่าห่วงในระดับหนึ่ง ในแง่ที่ว่า บริษัทที่ทำธุรกิจ container เป็นบริษัทค่อนข้างใหญ่ และอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ( ต่างประเทศ ) กันหลายบริษัท ทำให้หากค่าระวางเรือดี บริษัทเหล่านี้จะมีเงินทุนเพียงพอที่จะขยายกองเรือได้ครับ โดยระยะเวลาในการต่อเรือใหม่ก็ประมาณ 2-3 ปีก็เสร็จครับ

ดังนั้น เมื่อค่าระวางเรือสูงๆ ก็อาจจะไม่ใช่ระดับราคา ที่มีเสถียรภาพในระยะยาวครับ

ซึ่งอาจจะต่างจาก เรือเทกองพวก TTA หรือ PSL ที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เป็นรายเล็กครับ

ออฟไลน์ Adminis

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1206
  • ถูกใจ 116
    • เมทไทยดอทคอม | MateThai
Re: หุ้น RCL บันทึกและการวิเคราะห์หุ้นกลุ่มเดินเรือ
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2015, 01:41:37 PM »
 หุ้นเรือ เซ็งลี้ฮ้อ
          *หลังตรุษจีนอุตฯ จีนเริ่มเดินเครื่อง


จับตาหุ้นเดินเรือพาเหรดคึกครื้น เซียนหุ้นทำนายดัชนีค่าระวางเรือพุ่ง หลังผ่านเทศกาลตรุษจีน
เชื่อกลุ่มเดินเรือได้ประโยชน์เต็มๆ จากปริมาณขนส่งเพิ่ม ออร์เดอร์ทะลักจากอุตสาหกรรมจีนเริ่มเดินเครื่อง เปิดสถิติเชิงปริมาณ 9 ใน 10 ปีที่ผ่านมา สินค้าโภคภัณฑ์เด้งรับตรุษจีน เชียร์เก็งกำไร TTA - PSL - RCL น่าสนใจ


          ธุรกิจเดินเรือถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจสำคัญในวงล้อเศรษฐกิจไทย และที่ผ่านมาถือเป็นธุรกิจที่นักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์จับตามอง โดยเฉพาะหากมีความเปลี่ยนแปลงของดัชนีค่าระวางเรือ (Baltic Dry Index : BDI) เนื่องจากจะมีการซื้อเก็งกำไรรายตัวในหุ้นกลุ่มดังกล่าว
          โดยดัชนีค่าระวางเรือนั้นมีความสัมพันธ์กับหุ้นกลุ่มเดินเรืออย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยเฉพาะกลุ่มเรือเทกอง อย่างบริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSL และบริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA เนื่องจากราคาตกลงซื้อขายสัญญาจะเกี่ยวโยงกับดัชนีค่าระวางเรือ แต่ขณะเดียวกันแม้กลุ่มเรือขนส่งตู้คอนเทนเนอร์อย่าง บริษัท อาร์ ซี แอล จำกัด (มหาชน) หรือ RCL และบริษัทต่อเรืออย่าง บริษัท เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASIMAR จะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่ก็มีผลต่อจิตวิทยานักลงทุนเช่นกัน
          โดยการสำรวจดัชนีค่าระวางเรือ เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ปิดที่ 2,706 จุด ลดลง 16 จุด เปลี่ยนแปลง -0.59% โดยดัชนีค่าระวางเรือเป็นดัชนีฯ ที่เป็นตัวแทนของ
ค่าระวางเรือโดยรวม โดยเฉพาะในเรือขนาดใหญ่
          รายงานความเคลื่อนไหวราคาหุ้นกลุ่มเดินเรือ พบว่าวานนี้ (10 กุมภาพันธ์ 2553) ราคาหุ้น PSL ปิดที่ 19.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท หรือ 1.58% มูลค่าการซื้อขาย 19.69 ล้านบาท, ราคาหุ้น RCL ปิดที่ 9.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 1.04% มูลค่าการซื้อขาย 3.99 ล้านบาท, ราคาหุ้น TTA ปิดที่ 24.70 บาท ลดลง 0.55 บาท หรือ 2.18% มูลค่าการซื้อขาย 289.19 ล้านบาท และราคาหุ้น ASIMAR ปิดที่ 0.85 บาท ลดลง 0.01 บาท หรือ 1.16% มูลค่าการซื้อขาย 0.13 ล้านบาท
          อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายประเมินว่าหลังจากเทศกาลตรุษจีนผ่านพ้นไป ประเทศจีนซึ่งเป็นผู้ดำเนินการผลิตอุตสาหกรรมขนาดใหญ่จะกลับมาเดินเครื่องผลิตอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลดีธุรกิจกลุ่มเดินเรือ ให้มีปริมาณการขนส่งสินค้าผ่านทางเรือมากขึ้น โดยจากสถิตินักวิเคราะห์เชิงปริมาณ พบว่า 9 ใน 10 ปี ราคาสินค้าโภคภัณฑ์กลุ่มนี้ มักปรับตัวขึ้นหลังวันตรุษจีนเสมอ ฉะนั้นต้องจับตาการเคลื่อนไหวหุ้นกลุ่มเดินเรือใกล้ชิด



****บล.เอเซียพลัส ชี้ BDI ฟื้นตัวหลังตรุษจีน เปิดโผ 9 ใน 10 ปีที่ผ่านมา สินค้าโภคภัณฑ์เด้งรับตรุษจีน เชียร์นลท.เก็งกำไรหุ้นเกี่ยวข้อง TTA - PSL - RCL เด่น
          บทวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ฝ่ายวิจัยเชื่อมั่นว่าดัชนีค่าระวางเรือ หรือ BDI spot จะเริ่มฟื้นตัวหลังจากเทศกาลตรุษจีน จากการกลับมาดำเนินการผลิตของภาคอุตสาหกรรมในจีนอีกครั้ง หลังจากผ่านพ้นช่วงของการหยุดเฉลิมฉลองช่วงปีใหม่สากลต่อเนื่องมาจนถึงวันตรุษจีน ซึ่งตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2553 ซึ่งจะส่งผลให้มีการกลับมาเร่งนำเข้าสินแร่เหล็ก และถ่านหิน ซึ่งเป็นสินค้าที่ต้องใช้เรือเทกองในการขนส่งเป็นหลัก โดยล่าสุดพบว่า BDI ยังคงทรงตัวที่ 2706 จุด ต่อเนื่องมาเป็นวันที่ 3 หลังจากที่ตกต่ำติดต่อกันนานกว่า 2 เดือน โดยลดลงกว่า 42% ประกอบกับจากการศึกษาข้อมูลย้อนหลังไป 10 ปีของนักวิเคราะห์เชิงปริมาณ พบว่า 9 ใน 10 ปี ราคาสินค้าโภคภัณฑ์กลุ่มนี้ มักปรับตัวขึ้นหลังวันตรุษจีนเสมอ จากเหตุผลดังกล่าวเชื่อว่านักลงทุนมีโอกาสเก็งกำไรในหุ้นที่เกี่ยวข้อง
          อย่างไรก็ตาม แนะนำสะสมเรือเทกอง โดยเฉพาะ TTA ที่ได้ประโยชน์จากค่าระวางเรือเทกองขาขึ้นสูงสุด และ PSL ที่จ่ายเงินปันผลสำหรับงวดไตรมาส 4/2552 หุ้นละ 0.6 บาท และขึ้นเครื่องหมาย XD 12 กุมภาพันธ์นี้ รวมถึงเรือขนส่วนตู้คอนเทนเนอร์อย่าง RCL ซึ่งนอกจากดัชนี Howe Robinson Index ซึ่งเป็นตัวแทนของหุ้นเดินเรือทั่วโลกจะฟื้นตัวต่อเนื่องตลอด 1 เดือนที่ผ่านมาแล้ว อีกทั้งเป็นหุ้นไม่กี่บริษัทที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเสรีการค้าอาเซียน (AFTA)


****บล.เคจีไอ เชื่อหลังตรุษจีน 1 - 2 สัปดาห์ ค่าระวางเรือขยับขึ้น เชื่อทะลุ 2700 จุดไปกว่าจบไตรมาส 1/53
          นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีค่าระวางเรือ (BDI) ในระยะนี้ถือว่าค่อนข้างซบเซา แต่หากผ่านช่วงวันตรุษจีนไปอีกระยะ 1-2 สัปดาห์ คาดว่าภาพรวมพื้นฐาน BDI จะดีขึ้น จากการความคาดหวังเรื่องการเจรจาแร่เหล็ก ประกอบกับความต้องการใช้แร่เหล็กน่าจะปรับตัวดีขึ้นอีกด้วย ดังนั้นดัชนีฯ จะปรับสูงขึ้นจากปัจจุบันทรงตัวอยู่ที่ 2706 จุด ไปจนกว่าสิ้นไตรมาส 1/53 ดังนั้นหุ้นที่มีความเกี่ยวข้องเชื่อว่าจะได้รับประโยชน์ด้วยกันทั้งสิ้น
          โดยเฉพาะ TTA ที่แนะนำให้ซื้อ เนื่องจากได้ล็อกค่าระวางเรือไว้น้อย รวมทั้ง PSL ที่จะได้รับประโยชน์ในเชิงจิตวิทยา แต่มองว่ายังคงต้องรอให้ PSL ทำการซื้อเรือเพิ่มเติมก่อน จากที่ขณะนี้ PSL ได้ทำการขายเรือไปเกินกว่าครึ่งแล้ว
          อย่างไรก็ดี การปรับตัวเพิ่มขึ้นอาจไม่คงทนถาวรนัก เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจในปีนี้ยังไม่ดีมาก อีกทั้งเป็นเพียงการปรับขึ้นจากปัจจัยฤดูกาลเป็นหลักเท่านั้น


****บล.บัวหลวง คาด มี.ค.นี้ ค่าระวางเรือวิ่งแรงอีกครั้ง หลังได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน
          บทวิเคราะห์ บล.บัวหลวง ระบุว่า หากมองข้ามไปยังช่วงไฮซีซั่นในไตรมาส 2/53 (มกราคม - มีนาคม 2553) คาดว่าอัตราค่าระวางเรือจะลดลงในไตรมาส 1/53 (ตุลาคม - ธันวาคม 2552) เนื่องจากเป็นการสิ้นสุดของฤดูซื้อขายผลิตผลทางการเกษตรของสหรัฐฯ แต่อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ในสินค้าโภคภัณฑ์ของจีนและอุปสงค์ในการขนส่งทางเรือจะช่วยผลักดันค่าระวางเรือ ซึ่งได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน โดยคาดว่าจะเห็นการปรับขึ้นของค่าระวางเรืออีกครั้งในช่วงเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นสำหรับการซื้อขายผลิตผลทางการเกษตรในอเมริกาใต้
          ทั้งนี้ คาดว่าจะรายงานผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยในไตรมาส 2/53 โดยแม้ค่าระวางเรือจะลดลงในช่วง ม.ค.-มี.ค. ยังคาดว่า TTA จะรายงานผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยในไตรมาส 2/53 โดยปัจจัยหนุนคือ 1) จำนวนวันเดินเรือที่เพิ่มขึ้น 2) ไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษสำหรับธุรกิจเดินเรือ และ 3) ส่วนแบ่งกำไรจาก Mermaid Maritime ที่มากขึ้น
          อย่างไรก็ตาม แนะนำซื้อเก็งกำไร TTA เป้าหมายพื้นฐาน 33 บาท


****บล.กรุงศรีอยุธยา คาดค่าระวางเรือเข้าสู่จุดต่ำสุดปี 54 - ชี้ TTA เสี่ยงน้อยสุด หลังมีธุรกิจอื่นหนุน
          นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ในปีนี้อุตสาหกรรมเดินเรือน่าจะดีกว่าในปี 2552 เพราะในปีก่อนเศรษฐกิจค่อนข้างชะลอตัว แต่ยังเชื่อยังไม่ได้กลับไปเช่นในปี 2551 ซึ่งค่าระวางเรือในปีนี้อาจจะยังไม่ถึงจุดต่ำที่สุด แต่มีแนวโน้มที่จะเข้าสู่จุดต่ำสุดในปี 2554
          โดยบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มเดินเรือที่น่าจะได้รับผลกระทบน้อยที่สุด คือ บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) (TTA) เพราะมีสัดส่วนรายได้จาก Mermaid ประมาณ 60% เข้ามาช่วยลดความเสี่ยงกรณีเรือเทกองที่จำนวนวันลดลง และค่าระวางเรือมีแนวโน้มลดลงเช่นกัน
           "ปีนี้ค่าระวางเรีอน่าจะทรงตัว แต่เชื่อว่าในปีนี้ยังไม่ใช่จุดต่ำสุด น่าจะเห็นจุดต่ำสุดในปี 54 เราเชื่อว่า TTA น่าจะได้รับผลกระทบน้อยที่สุด เพราะมีธุรกิจอื่นเข้ามาช่วย แต่ถ้าจะเห็นการฟื้นตัวของค่าระวางเรือที่ขึ้น น่าจะเห็นได้ในช่วง มิ.ย. หรือ ถ้าเป็นหารรีบาวน์น่าจะเป็นการรีบาวน์ตามเทคนิค"นักวิเคราะห์ กล่าว
          ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรสุทธิ TTA ในปี 2553 อยู่ที่ 1,800 ล้านบาท ทรงตัวจากในปี 2552 โดยยังมีความเสี่ยงจากค่าระวางเรือที่ยังไม่นิ่ง และจำนวนเรือที่เข้ามาใหม่ สวนทางกับความต้องการที่ค่อยๆ ฟื้นตัว โดยประเมินราคาเหมาะสมไว้ที่ 32 บาท


**** บล.โกลเบล็ก เชียร์ซื้อ PSL จับตาซื้อเรือมือสองเสริมทัพ ให้เป้าหมาย 21 บ.
          บทวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก ระบุว่า คาดการณ์ผลประกอบการปี 2553 ยังคงมีทิศทางปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปี 2552 เนื่องจากจำนวนกองเรือเฉลี่ยที่ลดลงอย่างมาก โดยปัจจุบัน PSL มีจำนวนกองเรือรวมทั้งสิ้น 23 ลำ ซึ่งจะลดลงเมื่อเทียบกับจำนวนเรือเฉลี่ยในปี 2552 ที่อยู่ที่ประมาณ 33 ลำ ขณะที่อัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยปี 53 ยังมีทิศทางที่ปรับตัวลดลง จากการทำค่าเช่าเรือล่วงหน้าที่ลดลงเมื่อเทียบกับปี 2552 ซึ่งคาดกำไรปี 2553 ที่ 1,770 ล้านบาท ลด
ลง 42% YoY
          ทั้งนี้ คาดว่าผลประกอบการในช่วงครึ่งแรกปี 2553 ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ แต่คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง หลังแผนการปรับลดกองเรือแล้วเสร็จ รวมทั้งหากแผนการรับมอบเรือใหม่ในปี 2553 จำนวน 3 ลำเป็นไปตามแผน อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะมีโอกาสในการรับมอบเรือใหม่ล่าช้าออกไปได้ ขณะที่ PSL ยังคงอยู่ระหว่างการหาซื้อเรือมือสองทดแทน ซึ่งอาจจะมีผลทำให้ผลประกอบการฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดได้หากมีการซื้อเรือมือสองเข้ามาเพิ่มมากขึ้น ด้านดัชนีค่าระวางเรือ BDI ในปี 2553 คาดว่าโดยเฉลี่ยจะทรงตัวเมื่อเทียบกับปี 2552 แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโลกจะมีแนวโน้มที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่คาดว่าจะยังคงถูกกดดันจากจำนวนกองเรือใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง
          อย่างไรก็ตาม คาดว่าผลประกอบการในปี 2554 จะเริ่มฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยจะได้ผลบวกจากจำนวนกองเรือของ PSL ที่จะทยอยเพิ่มขึ้น ขณะที่คาดว่าอัตราค่าระวางเรือจะเริ่มมีแนวโน้มที่ดี
          ทั้งนี้ แนะนำซื้อเมื่ออ่อนตัว ราคาเป้าหมาย 21 บาท และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นในปี 2554 โดยประเมินราคาเหมาะสมในปี 2553 ที่ 21 บาท ทั้งนี้ ระยะสั้นอาจได้รับปัจจัยบวกจากการประกาศจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายของปี 2552 อีก 0.60 บาทต่อหุ้น (XD 12 ก.พ.2553) ซึ่งรวมทั้งปี 2552 จ่ายเงินปันผลทั้งสิ้น 1.80 บาทต่อหุ้น สำหรับปี 2553 คาดจะจ่ายเงินปันผลรวม 1 บาทต่อหุ้น


****บล.ยูไนเต็ดชี้ RCL ผ่านจุดต่ำสุดแล้วในปี 52 แนะนลท. รอซื้อเมื่ออ่อนตัว เป้าหมาย 16.40 บ.
           บทวิเคราะห์ บล.ยูไนเต็ด ระบุว่า ปริมาณขนส่งเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา แม้จะยังไม่ดีนัก แต่ถ้าเทียบกับเดือน พ.ย. ที่ปรับตัวลดลงถึง 17%YoY ก็ถือว่าดีขึ้นพอควร ขณะที่ค่าระวางในไตรมาส 4/2552 ยังอยู่ทรง ๆ ที่ระดับเดิม โดยมองว่าผลประกอบการในไตรมาส 4/2552 ยังจะไม่ดีนัก แต่สำหรับปี 2553 มองว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะช่วยกระตุ้นให้ปริมาณขนส่งกลับมาฟื้นตัว โดยเฉพาะคาดว่าเห็นการฟื้นตัวอย่างมากในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งคาดว่าจะช่วยฉุดค่าระวางให้ปรับตัวขึ้นได้ โดยคาดผลประกอบการในปี 2553 จะพลิกกลับมากำไรจากที่ขาดทุนในปีก่อน
          อย่างไรก็ตาม ยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจของกลุ่มยูโรโซน รวมทั้งการชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจจีน ซึ่งอาจส่งผลให้ความต้องการเรือคอนเทนเนอร์ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้
          ทั้งนี้ ผลดารดำเนินงานในปี 2552 จะเป็นช่วงต่ำสุดแล้ว และจะฟื้นตัวในปีนี้ โดยให้ราคาปัจจัยพื้นฐานปี 2553 ที่ 16.40 บาท แนะนำ ซื้อเมื่ออ่อนตัว


****บิ๊ก TTA ฟุ้งรายได้ - กำไรปี 53 ดีกว่าปี 52 หลังรับทรัพย์จากกิจการที่ซื้อมา ทั้งเหมืองถ่านหิน และรุกธุรกิจที่เวียดนาม
          ม.ล.จันทรจุฑา จันทรทัต กรรมการผู้จัดการ บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA กล่าวว่า แนวโน้มกำไรสุทธิและรายได้ปี 2553 จะปรับตัวดีขึ้นจากปี 2552 เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการที่บริษัทฯ เข้าไปซื้อกิจการใหม่ ซึ่งเป็นตัวเสริมผลการดำเนินงาน ซึ่งประกอบไปด้วย ธุรกิจเหมืองถ่านหินที่ฟิลิปปินส์ ธุรกิจที่เวียดนาม ซึ่งเป็นธุรกิจสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่มีคลังสินค้า เพื่อต่อยอดจากธุรกิจด้านโลจิสติกส์ รวมถึงธุรกิจปุ๋ยที่ยังมีแนวโน้มการทำกำไรได้ต่อเนื่อง
          นอกจากนี้ ยังมีการรับรู้รายได้และกำไรจากการที่บริษัทฯ เข้าไปถือหุ้นของ บริษัท ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน) ( UMS ) ที่แนวโน้มผลประกอบการเติบโตขึ้น โดยในปีนี้ UMS มีต้นทุนในเรื่องค่าใช้จ่ายสูง จากการทำสัญญาล็อกค่าระวางเรือไว้ โดยสัญญาดังกล่าวจะครบกำหนดในช่วงปลายปีนี้จนถึงม.ค. 2553
          ขณะที่ธุรกิจบริษัท เมอร์เมด จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจด้านพลังงานมีโอกาสที่จะขยายการลงทุนเพิ่มมากขึ้น จากแนวโน้มราคาน้ำมันในปีหน้าที่ประเมินว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 75 - 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
          สำหรับแนวโน้มของภาพรวมธุรกิจเดินเรือในปี 2553 จะยังคงทรงตัวจากปีนี้ ซึ่งคาดว่าค่าระวางเรือในปีหน้าจะใกล้เคียงกับปีนี้อยู่ที่ระดับ 1.1 หมื่นดอลลาร์ต่อวันต่อลำ เนื่องจากอุปทานของเรือยังมีอยู่จำนวนมากเมื่อเทียบกับอุปสงค์ความต้องการเรือที่อยู่ในระดับต่ำ


****บิ๊ก ASIMAR ตั้งเป้าโกยรายได้ปี 53 แตะ 1 พันลบ. เพิ่มขึ้นจากปี 52 ที่คาดทำได้ประมาณ 400 ลบ.
          แหล่งข่าวผู้บริหารระดับสูง จากบริษัท เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASIMAR กล่าวว่า ในปี 2553 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ที่คาดว่าจะทำได้ประมาณ 400 ล้านบาท ในขณะเดียวกันยังคาดว่ามีโอกาสพลิกเป็นกำไรจากปีก่อนที่ผลประกอบการอาจขาดทุน หลังผลประกอบการในช่วง 9 เดือนแรก ขาดทุนอยู่ที่ 36.97 ล้านบาท
          ส่วนในปีนี้ภาวะเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ส่งผลให้ลูกค้าที่ชะลอการสั่งต่อเรือเริ่มกลับมาเจรจาและทำสัญญาว่าจ้างให้บริษัทต่อเรือและซ่อมให้ โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้รับการว่าจ้างจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย ให้ดำเนินการต่อเรือลากจูง ขนาดกำลังฉุดไม่น้อยกว่า 30 เมตริกตัน จำนวน 1 ลำ และเรือลากจูงขนาดกำลังฉุดไม่น้อยกว่า 40 เมตริกตัน จำนวน 1 ลำ ความยาวตลอดลำ 32.00 เมตร ความกว้าง 10.50 เมตร มูลค่างานรวม 533,448,500 บาท โดยมีระยะเวลาต่อประมาณ 2 ปี ซึ่งงานดังกล่าวจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้เข้ามาหลังเดือนกุมภาพันธ์ 2553
          "ปี 53 แนวโน้มรายได้หรือผลประกอบการโดยรวมคงดีกว่าปี 2552 แน่นอน เพราะตอนนี้บริษัทฯ มีงานต่อเรืออยู่จำนวน 3 ลำ มูลค่ารวม 600 ล้านบาท ซึ่งรับรู้รายได้ไปแล้วในปี 52 มูลค่า 50 ล้านบาท ที่เหลือรับรู้รายได้ในปีนี้และปีถัดไป นอกจากนี้ยังมีดีลที่อยู่ระหว่างการเจรจาอีกจำนวนหนึ่ง ส่วนอู่ต่อและซ่อมเรือของบริษัทฯ มีศักยภาพในการรับเรือได้ 5-6 ลำ" แหล่งข่าวรายเดิม กล่าว

ที่มา https://www.efinancethai.com/hotnews/hot/h_100210h.asp

 :wanwan017:

ออฟไลน์ Adminis

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1206
  • ถูกใจ 116
    • เมทไทยดอทคอม | MateThai
Re: หุ้น RCL บันทึกและการวิเคราะห์หุ้นกลุ่มเดินเรือ
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: มกราคม 14, 2016, 11:21:50 AM »
CCFI Commentary Issue 1, 2016
  

  Demand and Index Growing

  In the week ending Dec.31, as the approach of Chinese New Year, domestic exporters reinforce export shipment, and boosts transport demand increase remarkably. Simultaneously, box liners carry out freight rate increase plan in many ocean-going services, with spot rate jumping. On Dec.31, China (export) Containerized Freight Index (CCFI) issued by Shanghai Shipping Exchange (SSE) quote 723.26 points, almost in line with that last week; while Shanghai (export) Containerized Freight Index (CCFI) issued by SSE quotes 836.96 points, jumping by 71.3% from one week ago.

  In the Europe service, economy in Euro zone has some improvement. As the coming of traditional shipment rush, cargo volume keeps growing. As a result, demand/supply condition improves remarkably, and the average slot utilization rate mounts to be above 95%, with some even full-loaded. Most box liners push out another round of freight rate increase plan, and some even growing by more than USD800 per TEU. On Dec.31, fright rate in the Shanghai to Europe service (covering seaborne surcharges) quote USD1232 per TEU, surging by 115% comparing with that last week. In the Mediterranean service, cargo volume grows, but slower than that in the Europe service. Benefited by the temporary capacity ceasing plan, demand/supply condition has some improvement, and the average slot utilization rate amounts to be around 95%, with spot rate rising largely. On Dec.31, freight rate in the Shanghai to Mediterranean service (covering seaborne surcharges) quote USD1257 per TEU, growing by 146.5% from one week ago.

  In the North America service, U.S. economy keeps on the stable improvement. Since from the late half of December, box liners in the USWC and USEC services carry on temporary capacity limit measures to improve demand/supply condition, and the average slot utilization rate rises to be above 95%, with some even full-loaded. Spot rate rebounds largely. On Dec.31, freight rate in the services from Shanghai to USWC and USEC (covering seaborne surcharges) quote USD1518/FEU and USD2555/FEU, growing by 98.2% and 76.5% from one week ago respectively.

  Cargo volume has some improvement in the Persian Gulf service, where the average slot utilization rate recovers to be above 90%, with some even approaching 95%. Most box liners start to push up freight rate. On Dec.31, freight rate in the Shanghai to Persian Gulf service (covering seaborne surcharges) quote USD580 per TEU, jumping by 98% from last week.

  In the South America service, transport demand rebounds slightly. Some box liners keep on controlling capacity to improve the demand/supply condition, and the average slot utilization rate standing around 80%. Owing to spot rate slides largely, many box liners try to improve freight rate by the chance of that in the main services increase. On Dec.31, freight rate in the Shanghai to South America service (covering seaborne surcharge) quote USD381/TEU, surging by 147.4% from one week ago.

  Cargo volume keeps declining in the Japan service, where the average slot utilization rate falls to be around 50%. On Dec.31, freight index in the China-Japan service quotes 618.93 points, down by 1.5% from one week ago.

ที่มา http://info.chineseshipping.com.cn/eninfo/ENMarketReport/201601/t20160108_1266505.shtml

 :wanwan017: