●● ท่องเที่ยววันหยุด วาไรตี้แสนสนุก! เรื่องราวฮอตฮิต! สิ่งที่คุณเห็น...จะทำให้คุณต้องตะลึง คลิ๊ก! ●●

หาเพื่อน หาแฟน หาคู่

เล่นเกมส์

ดูดวง

สูตรวิเศษ สาระน่ารู้ เรื่องสุขภาพ

งาน - อาชีพเสริมทำเงินล้าน

ผู้เขียน หัวข้อ: RENOVATE รับตกแต่งออกแบบที่อยู่อาศัย ร้านกาแฟ ภายใน ทำร้านโชว์ห่วย มีภาพจำลอง3D  (อ่าน 360 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ kkthai20009

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1347
  • ถูกใจ 0
  • เพศ: ชาย
ให้บริการ - ค่าออกแบบ คิดตามความเหมาะสมในร้าน

Renovate, Innovate,  ออกแบบร้านกาแฟ RENOVATE รับตกแต่งออกแบบคอนโด ร้านกาแฟ ภายใน ทำร้านเครื่องสำอางค์ มีภาพจำลอง3D ติดต่อ เรามีสำนักงาน 2 สาขาที่กรุงเทพ และหัวหิน
งานออกแบบปรับปรุงห้องชุดพักอาศัย
โครงการ : NOBLE ORA ซ.ทองหล่อ
style : MODERN CLASSIC

พื้นที่ใช้สอย : 70 ตร.ม.
ค่าออกแบบ : 390 บ./ตร.ม.
ขั้นตอนออกแบบเสร็จสิ้น กำลังดำเนินการผลิต


 
ชงกาแฟให้กลมกล่อม
กาแฟอาราบิก้า ชื่อวิทยาศาสตร์ Coffea arabica L. จัดอยู่ในวงศ์เข็ม (RUBIACEAE)
ต้นกาแฟอาราบิก้า เป็นพืชพื้นบ้านของทวีปอัฟริกา บริเวณประเทศเอธิโอเปีย แต่ว่าชาวอาหรับเป็นชาติแรกที่นำกาแฟมาชงดื่ม จึงทำให้ชื่อภาษาละตินของกาแฟใช้คำว่า “อาราบิก้า” (arabica) จุดหมายถึงชาวอาหรับ โดยต้นกาแฟจัดเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ที่มีความสูงของต้นประมาณ 2-4 เมตร ในปัจจุบันเพาะปลูกกันมากมายในเขตร้อนชื้นแล้วก็ครึ่งเย็น
ใบกาแฟอาราบิก้า ใบเป็นใบคนเดียว ออกเรียงตรงข้าม ลักษณะของใบเป็นรูปขอบขนานหรือรูปไข่ ปลายใบแหลม โคนใบแหลมเล็กน้อย ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างราว 8-12 ซม. รวมทั้งยาวราวๆ 15-20 เซนติเมตร แผ่นใบเรียบเป็นเงา บางทีเป็นคลื่น มีหูใบอยู่ระหว่างก้านใบ
ดอกกาแฟอาราบิก้า ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบ กลีบดอกไม้เป็นสีขาว ติดกันเป็นหลอด ดอกมีกลิ่นหอมสดชื่น
ผลกาแฟอาราบิก้า ผลเป็นผลสด รูปแบบของผลเป็นรูปไข่แกมรูปทรงกลม โดยผลอ่อนจะเป็นสีเขียว แต่ว่าเมื่อสุกแล้วจะกลายเป็นสีแดงลักษณะเด่นของกาแฟอาราบิก้าหมายถึงมีกลิ่นหอมสดชื่นรวมทั้งสารกาแฟสูง ทำให้เมื่อดื่มแล้วรู้สึกได้ถึงความคล่องแคล่ว มีชีวิตชีวา โดยกาแฟประเภทนี้จะมีจำนวนของคาเฟอีนต่ำ เป็นกาแฟที่มีคุณภาพสูง มีความหอมไม่เป็นรองผู้ใด เพียงแต่ยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าไรนัก เพราะเหตุว่าขาดการช่วยส่งเสริมแล้วก็การโฆษณาที่ดี ในประเทศไทยมีการปลูกกาแฟชนิดนี้กันมากทางภาคเหนือบนดอยสูง
กาแฟโรบัสต้า ชื่อสามัญ Robusta coffee
ชื่อวิทยาศาสตร์ Coffea canephora Pierre ex A.Froehner (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Coffea robusta L.Linden)
ต้นกาแฟโรบัสต้า ลำต้นเจริญวัยมาจากรากแก้ว มีลักษณะเป็นข้อและก็ข้อ โคนใบจะอยู่ตามข้อของลำต้น เมื่อต้นโตขึ้นใบจะร่วงหล่นไป โคนใบมีตา 2 จำพวก คือ ตาบนรวมทั้งตาล่าง ตาบนจะแตกกิ่งออกมาเป็นกิ่งกิ่งก้านสาขาที่ 1 ลักษณะเป็นกิ่งนอนขนานกับพื้นดินมีข้อและก็ข้อ แต่ละข้อจะมีกลุ่มตาดอกที่จะติดได้ผลสำเร็จกาแฟต่อไป ส่วนตาล่างจะแตกออกเป็นกิ่งตั้ง กิ่งจะตั้งชันขึ้นไปเหมือนลำต้น และไม่ติดผล แต่สามารถสร้างกิ่งกิ้งก้านที่ให้ดอกผลได้ ซึ่งเรียกเป็นกิ่งกิ่งก้านสาขาที่ 1 เช่นกัน และกิ่งกิ่งก้านสาขาที่ 1 ยังสามารถแตกกิ่งกิ้งก้านต่อไปได้อีกเป็นกิ่งกิ่งก้านสาขาที่ 2 รวมทั้งกิ่งแขนงที่ 2 ก็สามารถแตกเป็นกิ่งกิ่งก้านสาขาที่ 3 ได้อีก โดยกิ่งแขนงกลุ่มนี้จะกำเนิดในลักษณะเป็นคู่สลับเยื้องกันบนลำต้นหรือกิ่งตั้ง เมื่อมีการตัดลำต้นกาแฟ ตาล่างบประมาณนลำต้นจะแตกกิ่งตั้งมา กิ่งก็จะแตกเป็นกิ่งกิ่งก้านสาขาที่ 1, 2 รวมทั้ง 3 แล้วหลังจากนั้นก็จะมีการสร้างดอกรวมทั้งผลกาแฟต่อไป โดยต้นกาแฟนั้นจะสามารถขยายพันธุ์ด้วยแนวทางเพาะเม็ด
ใบกาแฟ ใบเป็นใบผู้เดียว เกิดที่ข้อเป็นคู่ตรงกันข้ามกัน โคนใบรวมทั้งหลายใบเรียวแหลม ส่วนขอบของใบหยักเป็นคลื่น ตรงกลางใบกว้าง ผิวใบเรียบนุ่มเป็นมัน มีปากใบอยู่ด้านท้องใบ แต่ละใบจะมีปากใบโดยประมาณ 3 ล้านถึง 6 ล้านรู โดยปากใบโรบัสต้าจะมีขนาดเล็กกว่าปากใบของกาแฟอาราบิก้า แต่จะมีเยอะมากๆกว่า อายุใบประมาณ 250 วัน ส่วนก้านใบนั้นมีขนาดสั้น
ดอกกาแฟ ปกติแล้วดอกกาแฟจะออกเป็นดอกโดดเดี่ยวสมบูรณ์เพศ มีกลีบราวๆ 4-9 กลีบ ส่วนกลีบเลี้ยงมี 4-5 ใบ มีเกสร 5 อัน และก็มีรังไข่ 2 ห้อง ในแต่ละห้องของรังไข่จะมีไข่ 1 ใบ ผลกาแฟก็เลยมีเม็ด 2 เมล็ด ดอกจะออกเป็นกรุ๊ปๆบริเวณโคนใบบนข้อของกิ่งกิ่งก้านสาขาที่1, 2 หรือ 3 กรุ๊ปดอกแต่ละข้อจะมีดอกราวๆ 2-20 ดอก ดอกจะออกจากกิ่งแขนงจากข้อที่อยู่ใกล้กับลำต้นออกไปพบปลายกิ่งกิ่งก้านสาขา ปกติแล้วต้นกาแฟจะมีดอกตามข้อของกิ่ง ข้อที่ออกดอกออกผลแล้วในปีต่อไปก็จะไม่มีดอกและได้ผลอีก
ผลกาแฟ ผลมีลักษณะเป็นรูปทรงรี ก้านผลสั้น ผลดิบเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง สีส้ม และก็สีแดง ผลกาแฟจะมีเปลือก พื้นที่มีสีเหลือง (เมื่อสุกมีรสหวาน) และกะลาที่หุ้มห่อเม็ด ตอนระหว่างกะลากับเมล็ดจะมีเยื่อบางๆที่หุ้มเมล็ดอยู่ ซึ่งพวกเราเรียกว่า “เยื่อห่อหุ้มเมล็ด” ในแต่ละผลจะมี 2 เม็ดแทบกันกันอยู่ ก้านที่ประกบกันจะอยู่ด้านในมีลักษณะแบน มีร่องกึ่งกลางเม็ด 1 ร่อง ส่วนด้านนอกโค้ง ลักษณะของเมล็ดจะเป็นเมล็ดลำพังหรือเม็ดโทน ในบางครั้งถ้าหากการผสมเกสรไม่สมบูรณ์ จะทำให้ผลติดเมล็ดเพียงเมล็ดเดียว (คิดเป็นราว 5-10%) ซึ่งจะมีลักษณะเป็นรูปกลมรีทั้งเม็ด มีร่องกึ่งกลาง 1 ร่อง เม็ดชนิดนี้จะเรียกว่า “พีเบอร์ปรี่“
จุดแข็งของกาแฟโรบัสต้า โดยส่วนใหญ่แล้วเราจะนำกาแฟโรบัสต้ามาผลิตเป็นกาแฟสำเร็จรูป หรือนำมาผสมกับกาแฟอาราบิก้าบางส่วน เพื่อผลิตเป็นกาแฟคั่วบดให้มีรสชาติที่แตกต่างออกไป สำหรับกาแฟโรบัสต้านั้นมีจุดเด่นในเรื่องของบอดี้ เมื่อดื่มแล้วจะรู้สึกได้ถึงความอ่อนนุ่ม เปียกคอ กาแฟประเภทนี้จะมีปริมาณของคาเฟอีนสูงยิ่งกว่ากาแฟอาราบิก้าเป็น 2 เท่า กาแฟโรบัสต้าในประเทศไทยจะมีการเพาะกันมากมายทางภาคใต้บนพื้นที่ราบ เป็นต้นว่าที่จังหวัดนครศรีธรรมราชรวมทั้งจังหวัดชุมพร
Drip : กรรมวิธีนี้เกิดมาราวๆปี คริสต์ศักราช 1905 ในเยอรมันนีซึ่งต่อมาในปี ค.ศ. 1908 ก็ได้มีชื่อเสียงอย่างมากมายของลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ถูกใจชงกาแฟดื่มเองที่บ้าน
แนวทางการชงกาแฟแบบ Drip : จะทำโดยการใช้น้ำร้อนหรือหยดน้ำร้อนผ่านกาแฟบด แล้วหลังจากนั้นให้ของเหลวผ่านกระดาษกรอกหรือ filter สำหรับที่ใช้ชงกาแฟแบบ drip ลงไปยังภาชนะรองรับ ซึ่งเมื่อผ่าน filter อาจจะมีการเสียรสไปบ้างแม้กระนั้นไม่มาก ซึ่งนับว่าเป็นวิธีที่ง่ายเหมาะสำหรับทำที่บ้านได้ด้วยตัวเอง สามารถใช้ได้กับการชงกาแฟในปริมาณมากกว่า 1 แก้วได้อย่างสบาย โดยจะมีเครื่องต้มกาแฟ ชื่อ drip maker หรือ coffee machine ที่หาซื้อได้อย่างง่ายดาย
French Press : แนวทางการนี้เกิดขึ้นราวๆปี 1850 โดยนักออกแบบชาวอิตาเลียน การชงกาแฟโดยวิธีนี้นั้น ควรจะมีเครื่องชงกาแฟแบบ French press ซึ่งหาซื้อได้ง่ายๆตามท้องตลาด ทำให้ได้รสของกาแฟที่จริงจริงแต่ไม่ต้องวิตกกังวลกับเศษหรือกากกาแฟที่หลุดลอดออกมานะเพราะว่าโน่น คือเสน่ืห์ของวิธีนี้ ซึ่งกาแฟที่ได้จะไม่ clean เท่าแบบ Drip ก็ไม่ต้องสะดุ้ง
กรรมวิธีชงกาแฟแบบ French Press : ก็ไม่ยุ่งยาก
ขั้นที่ 1 : เราควรมีกาแฟบดก่อนซึ่งต้องใช้กาแฟบดที่หยาบคายหน่อยนะเพราะว่าหากเราบดละเอียดมากเลย ผงกาแฟจะหลุดลอดตะแกรงของเครื่องชงได้
ขั้นที่ 2 : เพิ่มเติมผงกายุบดลงไปในเครื่องชง ใช้กาแฟโดยประมาณ 7 กรัม
ขั้นที่ 3 : เติมน้ำร้อนลงไปราวๆ 1/3 ของแก้วคอยให้กาแฟซึมน้ำซัก 30-40 วินาที แล้วต่อจากนั้นเติมน้ำร้อนเข้าไปจนถึงเต็ม
ขั้นที่ 4 : เอาฝามาปิด อย่าลืมนะก่อนปิดฝาให้ดึงที่กรองขึ้นจนกระทั่งสุดก่อน ปิดฝาทิ้งเอาไว้ประมาณ 4 นาที
ขั้นที่ 5 : กดที่กรองลงมาเพื่อดันเศษกาแฟลงไปด้านล่างแล้วหลังจากนั้นก็รินใส่ถ้วยดื่มได้โดยทันทีเลย
Espresso : กระบวนการนี้เกิดขึ้นราวปี คริสต์ศักราช 1901 ในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี หลายๆท่านอาจจะรู้จักกับชื่อนี้อย่างยิ่ง และก็อาจจะมีการเกิดความสับสนราวกับผมในครั้งที่แล้วว่า มันคือ ชื่อประเภทกาแฟ หรือไม่ก็สูตรกาแฟดำที่ชื่อ เอสเปรสโซ่ จริงๆแล้ว Espresso ชื่อนี้เป็นขั้นตอนการชงกาแฟ มาจากภาษาละตินที่แสดงว่า ดัน หรือ กด รวมทั้งกาแฟที่ได้จากเครื่องนี้ก็จะเรียกว่า “กาแฟเอสเปรสโซ่” ซึ่งก็จะเป็นต้นทางของแนวทางการทำกาแฟสูตรต่างๆเช่น Latte, Mocha, Cappuccino, Macchiato หรือ Espresso con Panna เป็นต้น
Chemex : แนวทางลักษณะนี้เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1931 ซึ่ง ไม่ค่อยแพร่หลายเท่าใด โดย Chemex คือ กรวยชงกาแฟประเภทหนึ่ง โดยลักษณะก็จะคล้ายๆกับการ Drip ที่ใช้น้ำร้อนเทใส่ผงกาแฟและผ่านกระดาษกรองลงไป แต่ว่ากระบวนการนี้เป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่ทุกขั้นตอนจะทำด้วยมือตั้งแต่การบดจะไปถึงการเทน้ำร้อนใส่ผงกาแฟ
Cupping : ขั้นตอนการนี้ใช้สำหรับนักลองกาแฟ หรือ Master Taster โดยก่อนที่จะผู้สร้างกาแฟจะส่งขายไปยังคนซื้อจะต้องมีการชิมกาแฟก่อน ซึ่งผู้ลองกาแฟก็จะชงกาแฟด้วยแนวทาง Cuppingหมายถึงบดกาแฟที่อยากได้ชิมรสชาติ ดังเช่นว่า กาแฟ 1 จำพวกก็จะคั่ว 3 ระดับคือ อ่อน กลาง รวมทั้ง เข้ม แล้วหลังจากนั้นก็เอามาบดแล้วใส่ผงกาแฟลงในถ้วยแก้ว 3 ถ้วยจากนั้นก็เพิ่มน้ำร้อนลงไป เพียงพอถึงกับขนาดตอนการชิม เค้าก็จะเอาช้อนเฉือนหรือตักผงกาแฟที่ลอยอยู่ออกและเริ่มกระทำลองกาแฟได้เลย
สรรพคุณของกาแฟ

  • เมล็ดกาแฟ มีสรรพคุณช่วยลดน้ำระดับตาลในเลือดได้ โดยการใช้เมล็ดที่คั่วแล้ว นำมาชงกับร้อน เป็นเครื่องดื่มยามว่าง
  • การดื่มกาแฟหลังอาหาร สามารถช่วยละลายไขมัน ทำให้ไขมันเกิดการแตกตัว และให้พลังงานทดแทนได้ อีกทั้งกาแฟยังมีประโยชน์ต่อกระเพาะโดยตรง โดยจะช่วยทำให้น้ำย่อยที่กระเพาะและตับอ่อนมีเพิ่มขึ้น จึงทำให้ไขมันถูกเผาผลาญ การดื่มกาแฟจึงมีส่วนในการช่วยลดความอ้วนได้
  • ช่วยลดการเกิดโรคตับจากสุรา จากสำรวจพบว่ากาแฟสามารถช่วยลดผลร้ายที่มีต่อตับได้ แต่ในส่วนนี้ยังต้องมีการวิจัยต่อไปว่าสารชนิดใดที่เป็นสารออกฤทธิ์ และมีผลต่อสาเหตุอื่นที่ทำให้เกิดโรคตับแข็งหรือไม่นอกจากแอลกอฮอล์ ส่วนอีกจากการศึกษาที่ทำการศึกษากับผู้ดื่มกาแฟจำนวน 125,000 คน โดยพบว่าการดื่มกาแฟเพียงวันละ 1 แก้ว ก็สามารถทำให้ความเสี่ยงของการเป็นโรคตับแข็งลดลง 20% และถ้าดื่มวันละ 4 แก้ว ก็จะสามารถช่วยลดอัตราเสี่ยงได้สูงถึง 80%
ขั้นตอนกล้วยๆที่จะเป็นแนวทางสู่บ้านในฝัน
การออกแบบด้วยคนเขียนแบบนั้นนับเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับในการสร้างบ้าน สถาปนิกที่เก่ง จะช่วยไขปัญหาการจัดสรรพื้นที่ ช่วยทำให้บ้านของเรางดงาม มีสไตล์ แถมยังอยู่สบายสอดคล้องกับการใช้ชีวิตของผู้อาศัยในบ้าน แต่ว่าแม้อยากได้สร้างบ้านข้างหลังเล็ก ย้ำการอยู่อาศัยอย่างง่าย การออกแบบบ้านด้วยตนเองเป็นอีกหนึ่งวิธีซึ่งสามารถทำเป็น จุดสำคัญเป็นการสื่อสารกับช่างก่อสร้างให้ได้รู้ถึงสิ่งที่มีความต้องการของเราเอง แล้วก็วิธีการสื่อสารที่ง่ายที่สุดสำหรับเพื่อการก่อสร้างบ้าน โน่นเป็นการวาดแบบแปลนบ้านนั่นเองขอรับ สำหรับวันนี้ “บ้านไอเดีย” ขอนำหลักการออกแบบบ้านด้วยตนเองอย่างง่าย โดยจะย้ำไปถึงการจัดสรรพื้นที่ พร้อมกับวาดแผนผังแบบแปลนข้างในบ้านด้วยตนเอง เพื่อนำแบบแปลนดังที่กล่าวมาแล้วไปให้ผู้รับเหมาก่อสร้าง หรือบางทีอาจส่งต่อให้สถาปนิกเขียนแบบแบบแปลนมาตรฐาน เพื่อจะได้นำไปต่อยอดเป็นแบบแปลนบ้านใช้งานจริงกันครับผม
1. ตรวจที่ดิน : ก่อนที่จะถึงขั้นตอนการออกแบบบ้าน สิ่งแรกที่สำคัญเป็นอันมากคือการศึกษาแปลงที่ดินของพวกเราเองให้ถี่ถ้วน ที่ดินมีหน้ากว้างกี่เมตร ลึกกี่เมตร ทิศไหนอยู่ด้านไหนบ้าง การสำรวจแนวทางนี้เพื่อจะให้เราได้วางผังบ้านได้อย่างเหมาะสม สอดคล้องกับลักษณะภูมิอากาศ ลมรวมทั้งแสงอาทิตย์ ขนาดของที่ดินยังบอกถึงขนาดแล้วก็รูปทรงของบ้าน ดังเช่น มีที่ดิน 40 ตำรวจมัธยม แม้กระนั้นต้องการพื้นที่ใช้สอย 200 ตำรวจม แน่นอนว่าจะต้องดีไซน์เป็นบ้าน 2 ชั้นเพียงแค่นั้น รวมทั้งการออกแบบต้องเผื่อขอบเขตระยะร่นตามกฎหมายกำหนดไว้ (อ่านกฎหมายระยะร่น)
2. กำหนดสไตล์ : การเลือกสไตล์ของบ้าน เป็นการระบุขอบเขต จุดมุ่งหมาย เพื่อจินตนาการของสิ่งที่จำเป็นมีความชัดเจนเยอะขึ้น ผู้อ่านอาจขับขี่รถท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆพักรีสอร์ท เลิศบ้านเพื่อนพ้อง หรือหากให้สบายหน่อยก็เพียงแค่คลิกเข้าชมเว็บไซต์บ้านไอเดีย ตัวอย่างบ้านกลุ่มนี้พวกเราสามารถเอามาประยุกต์ ระบุวิธีการวางแบบบ้านในฝันของพวกเราได้ แต่ว่าต้องขอย้ำให้รู้กันก่อนว่า พวกเราสามารถนำวางแบบมาปรับใช้ได้ แต่ไม่อาจจะไปจำลองแบบได้นะครับ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าของบ้านหรือเจ้าของแบบโดยตรง โดยทั่วไปแล้วสไตล์ของบ้านมีออกจะนานาประการ ทั้งยังไทยประยุกต์ , Vintage , Loft , Minimal , Tropical , หรืออาจเลือกเอกลักษณ์ของบ้านจากต่างชาติ อาทิเช่น บ้านสไตล์ทัสคานี เป็นต้น ทั้งปวงนี้ไม่จำเป็นที่ต้องมีส่วนประกอบที่แบบเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องเป๊ะ เราบางทีอาจผสมรวมแต่ละสไตล์ เลือกจุดที่ถูกใจนำมาดัดแปลงเพื่อแปลงเป็นสไตล์ของพวกเราเองได้เช่นกันขอรับ พบเจอที่ไหน ถ่ายภาพเก็บไว้ หรือถ้าหากชอบตัวอย่างแบบบ้านในเว็บบ้านไอเดีย ก็บางทีอาจจะเซฟลิงค์เก็บไว้ เผื่อตอนใช้งานจริงจะได้ค้นหาข้อมูลเจอ การเลือกสไตล์บ้านที่ดี นอกจากความนิยมส่วนตัวแล้ว สถานที่ทำการก่อสร้างเป็นสิ่งที่จำเป็น ควรจะวางแบบบ้านให้เหมาะสม สอดคล้องหรือดูเข้ากับสถานที่ ชุมชนที่อยู่ที่อาศัยด้วยครับ
3. เขียนความต้องการลงไป : ก่อนการออกแบบของจำเป็นอย่างยิ่ง เป็นการวิเคราะห์ความอยากได้ ขั้นตอนนี้จำเป็นจะต้องสนทนากันอีกทั้งครอบครัว มีสมาชิกกี่คน อยากได้อะไรบ้าง อยากได้แบบไหน มีเฉียง เฉลียงระเบียง มีกี่ห้องนอน กี่สุขา เป็นคนชอบทำห้องครัวหรือไม่ ห้องนั่งเล่น ห้องดูทีวี ห้องทำงาน ปัญหาเหล่านี้แต่ละบ้านย่อมมีความต่างกัน โดยเฉพาะสิ่งที่จำเป็นหลักเบื้องต้น ดังเช่นว่า จำนวนห้องนอน ห้องสุขา เป็นต้น
4. ระบุขนาด : เมื่อทราบความจำเป็นแล้ว ระบุขนาดพื้นที่ใช้สอยของแต่ละห้องลงไป ต้องการให้กว้าง ยาว กี่เมตร การกำหนดขนาดแต่ละห้องจะช่วยทำให้สามารถวิเคราะห์หาพื้นที่ใช้สอยรวมยอดได้ ผลพินิจพิจารณานี้จะทำให้การออกแบบบ้านเด่นชัดเพิ่มขึ้น และก็ยังช่วยทำให้เราทราบอีกว่า เราควรจะสร้างบ้านกี่ชั้นถึงจะสมควร แม้มีที่ดินอยู่แล้วจำเป็นที่จะต้องวางแบบให้สอดคล้องกับที่ดิน แต่ว่าถ้าเกิดยังไม่มีที่ดิน การกำหนดขนาดพื้นที่ใช้สอย จะก่อให้พวกเราหาซื้อที่ดินได้ตามขนาดที่อยาก การกำหนดขนาดนี้ยังสามารถนำไปอิงกับการประมาณราคาก่อสร้างได้อีกด้วยขอรับ
5. กำหนดตำแหน่ง ทิศทาง : การออกแบบแผนผังบ้านที่ดีควรออกแบบให้สอดคล้องกับธรรมชาติ เพื่อการพำนักด้านในภายเป็นไปอย่างเหมาะควรที่สุด โดยรวมแล้วจะคิดถึงทิศทางของแดด แล้วก็ทิศทางลม โดยแสงอาทิตย์จะส่องมากในทิศตะวันตก ทิศใต้ ห้องที่อยากแสงมากมาย เป็นห้องที่ต้องการกำจัดความชื้น อาทิเช่น ส้วม ห้องครัว ห้องซักล้าง ส่วนห้องที่อยากแสงสว่างเพียงพอเหมาะสม ตัวอย่างเช่น ห้องนอน , ห้องนั่งเล่น , ห้องทำงาน , ห้องดูหนัง ด้วยเหตุว่าถ้าหากแสงสว่างมากจนเกินไปอาจซึ่งก็คือความร้อนที่มากขึ้นเช่นเดียวกันครับผม
6. สำหรับทิศทางลม ลมมีสองทิศทางหลัก ทิศเหนือและทิศใต้ขึ้นกับฤดู (ทิศใต้มีลมเข้า 8-9 เดือน ทิศเหนือ 2-3 เดือน) ซึ่งถ้าหากอ้างอิงร่วมกับทิศทางแดด แดดด้านทิศใต้จะค่อนข้างจะแรงเกือบตลอดวัน ส่วนทิศเหนือแดดจะร่มแทบตลอดทั้งวัน ชาวไทยก็เลยนิยมก่อสร้างบ้านให้เบือนหน้าไปทางทิศเหนือ แต่ก็มีจำนวนไม่ใช่น้อยเหมือนกันที่เลือกหันหน้าไปทางทิศใต้ เพื่อต้องการรับกระแสลมเกือบตลอดทั้งปี ทั้งนี้ก็ไม่ได้เป็นความจำกัดแต่อย่างใด เพราะว่าการใช้แรงงานของแต่ละบ้านนั้นแตกต่างกัน บางท่านอาจดีไซน์เพื่อเน้นย้ำการใช้ข้างบ้าน , ข้างหลังบ้าน ก็ขึ้นกับการใช้แรงงานจริงด้วยครับ
7. ลองวาด : วัสดุฐานรากที่สุดที่ใช้ในการวาดแปลนหมายถึงดินสอ + กระดาษ A4 หรือนักอ่านถนัดใช้อุปกรณ์ใดก็สามารถเลือกได้ตามอยาก ทั้งวาดด้วยมือหรือใช้ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์มาช่วยก็สามารถทำเป็นเช่นกันนะครับ วิธีการวาดแบบแปลน วาดเป็นมุมภาพ 2D โดยให้รำลึกถึงการมองรูปภาพที่นำมาจากบนหลังคาบ้าน ซึ่งอาจจำเป็นต้องทำความเข้าใจกับเครื่องหมายพื้นฐานกันสักนิด อย่างเช่น ประตู หน้าต่าง ส่วนห้องอื่นๆสามารถวาดเป็นสี่เหลี่ยมในแบบห้องทั่วๆไป ดังนี้ถ้าหากนักอ่านไม่รู้เรื่องเครื่องหมาย ก็ไม่เป็นปัญหาใด เพียงแต่วาดและเขียนคำอธิบายประกอบร่วมด้วย ให้พอติดต่อสื่อสารได้ตรงกัน เพียงเท่านี้ก็สามารถนำไปคุยกับช่างรับเหมาได้แล้วครับผม
 
ข้อควรจะรู้ก่อนการก่อสร้างบ้าน
สถานที่ตั้งบ้าน จุดสำคัญของสถานที่ตั้งบ้านนั้นเป็นความสำคัญขั้นแรกที่เราจำต้องคิดก่อนที่จะสร้างบ้าน เพราะเหตุว่าเราจะต้องนึกถึงการเดินทางระหว่าง บ้านไปยัง สถานที่ทำงาน,โรงเรียน ,ตลาด,ศุนย์การค้า,สถานีรถไฟฟ้า,ราคาที่ดิน ฯลฯ ในสมัยก่อนทำเลที่ตั้งที่ดีเป็นทำเลที่ตั้งที่จำต้องอยู่กลางเมืองเหตุเพราะระบบรถยนต์สาธารณะยังไม่ครอบคลุมเสมือนอย่างปัจจุบันนี้ ทำให้ผู้คนต่างก็ไปกลุ่มกันอยู่ในเมืองเพียงอย่างเดียว ผิดกับเดี๋ยวนี้ที่ทำเลที่ตั้งที่ดีคือทำเลที่อยู่ไกล้รถไฟฟ้า, ก่อนที่พวกเราจะนึกถึงการผลิตบ้านพวกเราจำเป็นจะต้องมองหารอบๆที่พวกเราสามาถเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะเหล่านี้ได้อย่างสะดวกที่สุด รวมทั้งความปลอดภัยของเขตที่อยู่ที่ต้องไม่ดูเปลี่ยวจนกระทั่งเหลือเกิน ในยามค่ำคืนอีกด้วย เป็นต้นว่าการซื้อบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านบางทีอาจจะรู้สึกอุ่นใจกว่าการสร้างบ้านเดียวที่แต่ละข้างหลังตั้งอยู่ห่างกันเป็นจำนวนมากฯลฯ รวมทั้งอย่าคาดหมายกับโครงการต่างๆที่ยังไม่รู้จักว่าจะเกิดเมื่อไรหรือเกิดจริงๆหรือไม่ก็ไม่เคยทราบตัวอย่างเช่น รอบๆนั้นจะมีรถไฟฟ้าสายใหม่ๆผ่าน ทางด่วน หรือ ถนนผ่าน เนื่องจากว่าเราไม่บางทีอาจรับประกันได้ว่ามันจะเกิดเมื่อไร(นอกเหนือจากการซื้อเพื่อเก็งกำไร) ควรจะเลือกจากสภาพปัจจุบันที่เยี่ยมที่สุด จะดีมากกว่าขอรับ
จะถมดินสูงแค่ไหนดีนะ อันนี้เป็นปัญหายอดฮิตก่อนที่จะมีการก่อสร้างบ้านอย่างยิ่งจริงๆ บางบุคคลบอก 50 ซึม บ้างก็ว่า 30 ซม ก็พอแล้วบางคนบอก 1 เมตรไปเลย แล้วจริงๆมันควรจะถมเยอะแค่ไหนหละ คำตอบของหัวข้อนี้เป็น แล้วแต่ความชื่นชอบขอรับไม่มีการกำหนดที่แน่ๆเพียงมันจะต้องสูงขึ้นยิ่งกว่าระดับถนนหนทางคอนกรีตหรือถนนลาดยางหน้าบ้านพวกเรา ราวๆ 50 ซม ก็พอเพียง แต่ว่าถ้าเกิดถนนหน้าบ้านเป็นถนนดินแดงก็ให้เพิ่มความสูงของระดับดินกลบเป็น 1 มัธยมเพื่อเป็นการรองรับความสูงของถนนหนทางที่จะเพิ่มสูงมากขึ้นจากการลาดยางหรือทำถนนคอนกรีตในอนาคตนั้นเอง อีกต้นสายปลายเหตุนึงเป็นระดับน้ำท่วมสูงสุดในรอบๆนั้น หากสามารถหาข้อมูลได้เราก็ควรจะกลบที่ดินให้สูงยิ่งกว่าระดับดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วราวๆ 50 ซม.ขึ้นไป
การกลบดินเพื่อก่อสร้างบ้านเจ้าของบ้านควรต้องเผื่อการยุบตัวของดินด้วยครับ คือเพื่มจำนวนดินถมสูงขึ้นไปอีก 30 % เพื่อเผื่อให้ดินได้เซ็ตตัวหรือยุบ นั้นเอง อย่างเช่น จะถมดินสูง 50 ซม แต่ว่าให้ถมดินไว้ที่ระดับ65 ซมนั้นเอง แล้วก็ควรจะกลบดินไว้ก่อนการก่อสร้างบ้านอย่างต่ำ 4-6 เดือนยิ่งทิ้งไว้ผ่านหน้าฝนซักครั้งจะยิ่งทำให้ดินแน่นเพิ่มมากขึ้นทำให้ลดปัญหาดินทรุดหลังก่อสร้างบ้านได้อย่างดีเยี่ยม
ทิศทางแดดลม กับ การกำหนดตำแหน่งบ้าน คนไม่ใช่น้อยบางครั้งอาจจะมีความคิดว่าไอ้เรื่องพวกนี้ มันจะสำคัญอะไรเยอะมากนักจะปลูกเรือนตรงไหนมันก็มีลมทั้งนั้นล่ะ แล้วก็ที่สำคัญพวกเราก็เปิดแอร์ตลอดวันอยู่แล้วมองไม่เห็นมีอะไรน่ากังวล ผู้ใดกำลังจะมีความนึกคิดอย่างนี้มั้งครับผม หากมีชี้แนะว่าให้อ่านเรื่องนี้ก่อนแล้วค่อยมาคิดอีกทีครับ
ทำไมต้องมองทิศทางแดด-ลม ก่อนจะมีการวางตำแหน่งบ้าน ก็เพราะเหตุว่าพวกเราคงจะไม่ต้องการนอนในห้องนอนที่แสนจะร้อนในตอนกลางคืนหรือต้องอุดอู้อึดอัดอยู่ในบ้านที่ไม่มีลมระบายเลย เรื่องเหล่านี้ค่อนข้างจะละเอียดอ่อน มีข้อสังเกตุหลายสิ่งหลายอย่างสำหรับในการวางตำแหน่งบ้านเพื่อให้บ้านทั้งยังข้างหลังเป็นบ้านที่อยู่อย่างสบาย สุขสบาย แล้วก็ลดการใช้พลังงาน
ปกติแสงอาทิตย์ของบ้านเราจะวิ่งเป็นแถวตะวันออกแล้วอ้อมโค้งไปทางใต้ก่อนที่จะตกในทิศตะวันตก จะมีผลให้ทิศใต้ไปจนกระทั่งทิศตะวันตกได้รับแสงสว่างมากที่สุดของวันเป็นตั้งแต่หลังเที่ยงตรงไปจนกระทั่งห้าโมงเย็น ด้านนี้จำเป็นต้องเป็นส่วนหลังบ้านแล้วก็ส่วนล้างหรือกิจกรรมอื่นที่ต้องการแสงสว่างเยอะๆๆส่วนทางทิศตะวันออกจะได้รับแสงจางๆในรุ่งเช้าแล้วก็แสงจะแรงมากแค่เพียงช่วง 10 โมงรุ่งเช้าจนถึงเที่ยงซึ่งก็แค่เพียง 3 ดู ยิ่งทิศเหนือแล้วยิ่งได้รับแดดต่ำที่สุด 2 ด้านนี้จึงเหมาจะวางตำแหน่งของห้องพักผ่อนที่ต้องการแสงสว่างรบกวนน้อย ดังเช่น ห้องนอนรวมทั้งห้องรับแขก
พวกเรานิยมวางแนวด้านแคบของตัวบ้านหันไปทางทิศทางรับแดด เพื่อฝาผนังที่รับแดดมีน้อยที่สุด ทำให้ผนังสามาถดูดกลืนความร้อนในจำนวนน้อยแล้วก็ทำให้ข้างในบ้านไม่ร้อนจนกระทั่งเกินความจำเป็นในเวลากลางคืน เนื่องจากธรรมชาติของผนังปูนนั้นจะดูดความร้อนเมื่อแดดส่องและจะถ่ายเทความร้อนออกมาในค่ำคืน ด้วยเหตุนี้หากผนังบ้านถูกแดดตะวันตกน้อยก็จะทำให้ความร้อนที่จะถ่ายออกมายามค่ำคืนมีน้อยเหมือนกัน
ส่วนลมนั้นลมประจำฤดูของบ้านพวกเราจะพัดจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งจะพัดพาอากาศหนาวจากจีนมาในตอนหน้าหนาว และ จากทิศตะวันตกเฉียงใต้ที่จะพัดพาความชุ่มชื้นจากสมุทรมาในช่วงฤดูร้อนและก็หน้าฝน บ้านที่ดีด้านยาวของบ้านจึงควรหันเข้าหาแนวทางลมเพื่อให้ลมธรรมชาติพัดเข้าตัวบ้านเพื่อระบายความร้อนออกไปให้ได้มากที่สุดและก็นำมาซึ่งการทำให้มัธยัสถ์ค่าไฟสำหรับเครื่องปรับอากาศด้านในภายฯลฯ
 
 
ออกแบบ เพื่อนำเสนอห้าง
โครงการ : ร้านอาหาร / เครื่องดื่ม
style : cottage style

พื้นที่ใช้สอย : 40 ตร.ม.
ค่าออกแบบ : 220 บ./ตร.ม.


รับทำออกแบบ Design & RE-NOVATE BUILD มีจำลอง3D ติดต่อ
สาขากทม. 098 292 4496 หัวหิน 094 982 2636

เครดิตบทความจาก : http://www.alldecorate.com/

Tags : รับออกแบบเคาน์เตอร์,รับตกแต่งร้านกาแฟ,รับออกแบบร้านอาหาร