ชุมชนออนไลน์ หาเพื่อนคุย รวมเกมส์ ดูดวง ฟังเพลง ฟุตบอล ดารา และอีกมากมาย

งานและอิสรภาพทางการเงิน => อิสรภาพทางการเงิน => ข้อความที่เริ่มโดย: Adminis ที่ มกราคม 17, 2015, 04:13:52 PM

หัวข้อ: ลูกค้าจ๋า หายไปไหนกันหมด รู้สึกไหม เศรษฐกิจแย่ ขายของยาก
เริ่มหัวข้อโดย: Adminis ที่ มกราคม 17, 2015, 04:13:52 PM
ทิศทางเศรษฐกิจ จากข้อมูลล่าสุด.. เศรษฐกิจตอนนี้ ไม่ค่อยดีเลย... เศรษฐกิจตอนนี้แย่จริงๆครับ... ใช้จ่ายอย่างระมัดระวังกัน ด้วยนะครับ...

/// ลูกค้าจ๋า หายไปไหนกันหมด รู้สึกไหมว่า เศรษฐกิจแย่ ขายของยากขึ้น ///

/// อยากรู้จังว่าเศรษฐกิจแย่หรือดวงตก  เพื่อนๆคิดว่า เศรษฐกิจช่วงนี้แย่มากไหม///

/// วิธีปรับตัวธุรกิจ เพื่ออยู่รอด... เศรษฐกิจแย่ แต่ธุรกิจแย่ไม่ได้! ///

ถาม ทุกท่านที่ค้าขาย รู้สึกไหมว่าเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ขายของยากขึ้น

ชั่วโมงนี้ทําไมผมมีความรู้สึกว่าค้าขายเงียบมาก ขายของยากจริงฯ กําลังซื้อหายไปไหนหมด ร้านค้า คู่แข่ง เยอะขึ้นมากฯฯ แต่กําลังซื้อลดลง

ถามเพื่อนหลายฯคนต่างส่ายหัวกันหมด ทั้งเปิดร้านค้า ทั้งแผงลอย ทั้งค้าขายบนห้าง ต่างบอกเหมือนกันหมดว่ารายได้ลดลงมากฯฯ คู่แข่งที่ขายเหมือนกันเยอะขึ้นราวดอกเห็ด แต่คนซื้อกับลดลง สินค้าขายต้องลงราคาแทบไม่เหลือกําไรเพราะคู่แข่งเยอะขึ้นต่างก็ลดราคาแข่งกัน

มองไปทางไหนไม่ว่าจะอาชีพอะไรก็เห็นเปิดเหมือนกันเยอะมากฯฯฯ เพื่อนกันอีกคนขายรถมือสอง มีเต้นท์ใหญ่โต ตอนนี้บอกแทบล้มทั้งยืน เพราะรถขายแทบไม่ได้เลย ถึงขายได้ก็แทบไม่มีกําไร บางคันเวลานี้ขายขาดทุนเพื่อรักษาเงินทุน และลดดอกเบี้ย เห็นว่าตอนนี้รถมือสองราคาตกมากฯ โดยเฉพาะกลุ่มรถเก๋ง ไม่ว่ารถตลาดหรือไม่ตลาด ตอนนี้ราคาร่วงเละ

ส่วนอีกคนขายอาหารขนาดของต้องกินทุกวัน พ่อค้ายังส่ายหัวบอกว่าคนกินลดลงพอสมควร บางร้านปิดตัวลงหรือย้ายไปขายที่อื่น

ส่วนสินเชื่อต่างฯ แบงค์ต่างก้ปล่อยยากขึ้น ทั้งทีโฆษณาชวนเชื่อให้ไปกู้เยอะมาก แต่เอาเข้าจริงฯแล้วพอไปกู้จริงฯ ไม่ง่ายอย่างที่โฆษณา เพราะระเบียบการเยอะมากฯฯฯ ตอนมีนู้ มีนี้ กว่าจะกู้ได้ต้องเสียค่าอะไรเยอะแยะไปหมด ทุกท่านเวลากู้ลองอ่านสัญญาดูดีฯ ว่าเราเสียเปรียบทุกประตู

ผมว่าสมัยค้าขาย ยากกว่าสมัยก่อนเยอะนะครับ ผมว่าการแข่งขันมันสูงมากฯฯฯ แล้วไหนปัญหาบ้านเมืองภายในประเทศอีก ทําไมผมมีความรู้สึกว่า เหตุการณ์ต้มยํากุ้งแบบปี 40 จะกลับมายังไงไม่รู้ ฟองสบู่อสังหาจะกลับมา

แต่ทั้งหมดสําหรับคนที่ทุนหนาเงินเย็น คงไม่ค่อยรู้สึกอะไร ส่วนพวกค้าขายระดับกลางลงไป ยิ่งต้องกู้หนี้ยืมสินมาค้าขายผมว่า อยู่ยากขึ้นแน่ฯ

ทั้งหมดเป็นความรู้สึกของผมนะครับ บางท่านอาจจะไม่คิดเช่นนี้ก็ได้ แต่ทุกท่านที่ค้าขายผมว่าสังเกตุดูได้ว่า กราฟมันค่อยฯตกลงเรื่อยฯ ขึ้นอยู่แต่ละท่านว่าจะตกลงเร็วหรือช้า

---------------------------------------------------------------------

หัวข้อ: Re: รู้สึกไหมว่า เศรษฐกิจไม่ดี ขายของยากขึ้น
เริ่มหัวข้อโดย: Adminis ที่ มกราคม 17, 2015, 04:19:52 PM
/// ความคิดเห็นจากผู้อ่าน... ///

เราเคยโดนตอนปี 40 รู้ซึ้งถึงชีวิตว่าไม่มีใครช่วยเราได้นอกจากตัวเอง ตอนนั้นผ่อนรถยนต์  ทาวน์เฮ้าส์  2  หลัง  ส่งลูกเรียนสองคนค่าเทอมคนโตมีสามเทอมๆละ 30000 บาทคนเล็กทั้งปีตกประมาณ 30000 บาท 

สามีทำงานคนเดียว เงินเดิอนประมาณหกหลัก ใช้จ่ายตามสบาย ไม่ค่อยเก็บเงิน  พอเกิดวิกฤต สามีขอลดเงินเดือนตัวเอง การผ่อนต่างๆเริ่มมีปัญหา หาแบงก์ใหม่รีไฟแนนซ์ให้ดอกถูกลง กลัวที่สุดคือ กลัวติดเงินค่าเทอมลูก

                  เริ่มประหยัดอดออมให้เช่าทาวน์เฮ้าส์ทั้งสองหลังนำเงินมาจ่ายให้แบงก์ค่ะ  มีเงินเท่าไหร่ผ่อนบ้านให้มากที่สุดแต่ก็มีเงินเก็บไว้สำหรับจ่ายค่าเทอมลูก ค่ารักษาพยาบาล ลดเลิกการทานอาหารแพงตามโรงแรม  เที่ยวน้อยลง  มีเงินเก็บเพิ่มขึ้น

                  วิกฤตตอนปี 40 ช่วยให้เรามีภูมิต้านทานมากขึ้นว่าทั้งชีวิตนี้เราจะไม่กลับไปเหมือนปี 40 อีกแล้ว ไม่ทำอะไรเกินตัวอีกแล้ว เรานำหลักการเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงมาเป็นหลักการของชีวิต อยู่อย่างพอเพียง

                  การที่เจอวิกฤตก็ช่วยสอนอะไรได้มากมาย เจ็บแล้วต้องจำค่ะ

---------------------------------------------------------------------

ร้านเราก็แย่ ยอดขายตก 90% มีที่ดินประกาศขายปีกว่า ยังขายไม่ได้เลย นายหน้าพาคนไทยมาซื้อ มันต่อทีละ 10 ล้าน โอ้พระเจ้าจะซ้ำเติมไปถึงไหน

ตอนนี้โมโหบอกนายหน้าว่าไม่รับคนไทย เอาต่างชาติมาซื้อเหอะ มีตั้งหลายแปลงนายหน้าเป็น 10 ก็ยังขายไม่ได้

พอจะไปกู้ออมสิน ก็เรื่องเยอะ ต้องมีปัญชีเดินสะพัด  เศรษฐกิจแบบนี้พ่อค่าแม่ขาย จะเอาที่ใหนมาเดิน ขายของยังไม่พอกินเลย แถมโดนดูถูกอีก บอกจะเอาไปทำอะไรตั้งเยอะ เราเอาโฉนดไปค้ำมูลค่าเป็น 10 ล้าน ขอแค่ล้านเดียว โดนมันดูถูกซะ !!

หัวข้อ: Re: รู้สึกไหมว่า เศรษฐกิจไม่ดี ขายของยากขึ้น
เริ่มหัวข้อโดย: Adminis ที่ มกราคม 17, 2015, 04:22:49 PM
จับตาดูตั้งแต่ปี 58-63 และก็หลังจากปี63 นะครับ ทุกอย่างจะเฉลย ทั้งเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย

---------------------------------------------------------------------

ทุกคนก็พูดเหมือนกันหมดเลยค่ะ

เดี๋ยวนี้ถามหลายคนที่ลาออกจากงานประจำไปเปิดร้านขายของตัวเอง (เพราะอยากเป็นเจ้านายตัวเอง) ถามว่าขายดีไหม ก็ส่ายหน้ากันบอกว่าคู่แข่งเยอะมาก ขายเสื้อเนี่ย แทบจะมองหน้าร้านตรงข้ามไม่คิด (ตัดราคากันน่าดู)

ขายกาแฟก็กำไรค่าเช่าที่จะไม่พอเอา ขายพวกเคสมือถือของแท้นำเข้าก็โดนร้านขายของปลอมโจมตีไม่พอ พวกจับลิขสิทธิ์จะมาหาเรื่อง ทั้งที่มีใบอะไรถูกต้อง

คนที่ออกไปขับแท็กซี่กับมอเตอร์ไซต์รับจ้างถึงจะรู้สึกดีหน่อย แต่จากที่บอกว่าออกไปเพราะไม่อยากตื่นมาทำงานทุกวัน ก็ต้องออกมาหาผู้โดยสารทุกวันเพราะไม่งั้นก็ไม่พอกินเลี้ยงลูกเมีย

ทุกวันนี้ก็เห็นมีแต่คนขายค่ะ คนซื้อไม่รู้หายไปไหนหมด

---------------------------------------------------------------------

แฟนผม นอนกลางวัน จนไม่อยากนอนเลย เพราะไม่มีลูกค้าเลย จนหลับแล้วหลับอีก
หัวข้อ: Re: รู้สึกไหมว่า เศรษฐกิจไม่ดี ขายของยากขึ้น
เริ่มหัวข้อโดย: Adminis ที่ มกราคม 17, 2015, 04:26:50 PM
แสดงว่าค่าแรง 300 ที่บอกว่า จะทำให้แรงงานมีเงินใช้มากขึ้น จะมีกระแสเงินหมุนในระบบมากขึ้น เพราะมีเงินมากก็ซื้อมาก

แสดงว่าไม่มีผล เพราะพ่อค้าแม่ค้าระดับล่างก็ยังบ่นว่าขายไม่ดี เงินที่เพิ่มขึ้นไม่ได้ไปถึงมือพ่อค้าแม่ค้าเท่าไหร่

เงินเดือน 15,000 ที่เพิ่มขึ้นสำหรับชนชั้นกลาง ก็ไม่ได้เข้าสู่ระบบของ SMEs หลายบริษัทยังคงบ่นว่า ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น

แต่รายได้ไม่ได้มากขึ้นตามค่าแรงที่ต้องจ่ายออกไป

แสดงว่านโยบายนี้ไม่ได้ทำให้รากหญ้ารวยขึ้นได้จริง

ส่วนนโยบายรถคันแรก เป็นนโยบายเพิ่มปัญหาสังคม

ถึงแม้ว่าจะมีเงินหมุนเข้าระบบธุรกิจยานยนต์มากขึ้น แต่ก็แค่คนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น คนในวงการนี้อาจจะได้ประโยชน์

แต่คนวงการอื่นเสียผลประโยชน์มากมาย เพราะผลพวงของรถที่เข้าสู่ถนนมากเกินไป ทำให้รถติดและต้องจ่ายเงินค่าน้ำมันมากขึ้น

กลายเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นโดยไม่ได้ทำให้เกิดรายได้  แล้วยังทำให้เสียเวลาเดินทางนานขึ้น ซึ่งไปกินเวลาส่วนอื่น

แทนที่จะเอาเวลานั้นไปทำงานหรือได้พักผ่อนเร็วขึ้น กลับต้องติดบนท้องถนน

บางทีก็น่าสงสัยนะ รายได้เพิ่มขึ้นแต่ทำไมไม่เหลือเหมือนเดิม

ใช้จ่ายก็มาก แต่ทำไมพ่อค้าแม่ขายยังบ่นว่าจนเหมือนเดิม ไม่ได้ขายดีขึ้นเลย

เงินไปไหนหมด ไปหมดกับค่าอะไร แล้วเงินนั้นไปเข้ากระเป๋าใคร เงินไหลไปทางไหน
เข้าสู่คนเพียงแค่บางกลุ่มหรือเปล่า ไม่ได้กระจายไปทั่วเหมือนที่ควรจะเป็นหรือเปล่า

-----------------------------------------------------------------

รายได้เท่าเดิมแต่ข้าวของแพงขึ้น   ก็ต้องพยายามใช้จ่ายประหยัดให้คุ้มค่าเงินที่จะจ่ายออกไปค่ะ     

จากที่เคยอยากได้ก็ซื้อเลยก็กลายเป็นคิดก่อนซื้อ  คิดหลายรอบว่า  จำเป็นไหม  ยังไม่ต้องซื้อได้ไหมหรืออันเก่ายังพอใช้ได้น่า     

ไม่เอาใจและความอยากของตัวเองไปยึดตรงนั้น   ก็ทำให้งดซื้อไปเลยหรือยืดระยะเวลาจนลืมไปเลยว่าเคยอยากได้     

สุดท้ายเงินยังอยู่กับเราเกิดความภูมิใจและดีใจลึกๆว่า  เราก็ทำได้นะประหยัดและตังค์อยู่ครบ   

ทำแบบนี้บ่อยๆเข้าก็เริ่มชอบละเพราะเงินออมก็เริ่มขยับตัวเลขขึ้นเป็นรูปธรรมทีละนิด      กำลังซื้อบางส่วนถึงหายไปมังคะ

อ่านต่อ ...
http://pantip.com/topic/30795781 (http://pantip.com/topic/30795781)

 :wanwan017:
หัวข้อ: Re: ลูกค้าจ๋า หายไปไหนกันหมด รู้สึกไหม เศรษฐกิจไม่ดี ขายของยาก
เริ่มหัวข้อโดย: Adminis ที่ มกราคม 17, 2015, 04:33:45 PM
/// ลูกค้าจ๋า หายไปไหนกันหมดคะ ///

ถาม ลูกค้าจ๋า หายไปไหนกันหมดคะ ???
เดือนนี้ท่องไว้แล้วว่าเป็นมีนามหาโหด (เป็นทุกปี)  แต่ช่วงต้นเดือนยันหวยออกยังไม่ค่อยเห็นความน่าสะพรึง ...แต่วันนี้ (เอ๊ะเมื่อวานสิ นี่เลยเที่ยงคืนแล้ว) ความเงียบกริบเข้ามาตั้งแต่เช้า ตื่นมาเช็คเมล ...จ๊าก ไม่มีอีเมลใหม่ๆเข้ามาเลย คือเคลียร์ตั้งแต่ก่อนนอนตื่นมาก้อเจอหน้าตาเหมือนตอนปิดคอมพ์ ....ใกล้เที่ยงเริ่มมีคนโอนเงินออเดอร์เก่าๆ ส่งของเสร็จบ่าย 2 กลับมาไม่มีเมลใหม่ ปิดคอมพ์หาอะไรทำ ทุ่มนึงปกติคือช่วงพีคที่ลูกค้าชอบกดสั่ง  เอ๊ยย มีมาแค่ 1 ออเดอร์  จนเวลานี้ข้ามวันไปแล้วมีเพิ่มมา 1 ออเดอร์ (แต่ของที่สั่งดันหมด ค่าเท่ากับ0) เฟสบ้งเฟสบุ๊คเงียบ ...หลอนมาก 

วันนี้ใครเจออะไรคล้ายๆกันบ้าง ลูกค้าหายไปไหน ทำไมคนเรามักทำอะไรคล้ายๆกันเช่น จะสั่งของก้อมักมารุมสั่งอะไรเหมือนๆกัน นึกจะหายก้อหายกันไปพร้อมกัน

ตอนนี้คาดเดาอะไรไม่ได้เลย จะสั่งของเพิ่มก้อยังต้องคิดหน้าคิดหลัง เพราะด้วยค่าเงินและของที่ขายบางตัวแอบขึ้นราคา(สั่งจากตปท.) ช้อคอยู่พักนึง เบรคตัวเอง รอดูร้านคู่แข่งว่ารู้ตัวหรือยัง ขายราคาเดิมขาดทุนแน่นอน... ไม่อยากมีรายจ่ายเลย ถ้าลูกค้าหายอย่างวันนี้ซักสัปดาห์ สงสัยต้องรัดเข็มขัดสุดชีวิต

ใครหัวอกเดียวกันยกมือขึ้น

---------------------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: ลูกค้าจ๋า หายไปไหนกันหมด รู้สึกไหม เศรษฐกิจไม่ดี ขายของยาก
เริ่มหัวข้อโดย: Adminis ที่ มกราคม 17, 2015, 04:37:54 PM
/// ความคิดเห็นจากผู้อ่าน... ///

ยกมือค่ะ

ตั้งขายออนไลน์ได้เดือนนึงแล้ว ยังไม่มีลูกค้าเลยค่ะ เงินก็จมไปกับทุน จะซื้อของใหม่ก็ยังไม่กล้าเสี่ยง

เพิ่งรู้ว่า "มีนามหาโหด" เป็นเช่นนี้เอง สงสัยต้องรอต่อไป เฮ้ออออ....
หัวข้อ: Re: ลูกค้าจ๋า หายไปไหนกันหมด รู้สึกไหม เศรษฐกิจไม่ดี ขายของยาก
เริ่มหัวข้อโดย: Adminis ที่ มกราคม 17, 2015, 04:38:57 PM
ยังมีโหดกว่านี้ครับ การจับจ่ายใช้สอยลดลงมากๆๆครับและจะลดลงอีกต่อไปครับ

เตรียมใจได้เลยครับ เงินไม่ได้เข้ามาในระบบโครงการจ้างงานต่างๆไม่ได้เพิ่มขึ้นตามที่ประชากรเพิ่มขึ้น

ทุกวันนี้คนใช้เงินเพื่อเพียงการอยู่รอดเท่านั้นครับ
หัวข้อ: Re: ลูกค้าจ๋า หายไปไหนกันหมด รู้สึกไหม เศรษฐกิจไม่ดี ขายของยาก
เริ่มหัวข้อโดย: Adminis ที่ มกราคม 17, 2015, 04:39:34 PM
ค้าขายที่จตุจักร ขนาดว่าคนเดินเยอะกว่าตลาดทั่วๆ ไปแล้ว ยอดขายยังตกลงมากกว่า 50% เลยค่ะ

ไม่รู้จะเป็นอย่างนี้อีกนานไหม ..
หัวข้อ: Re: ลูกค้าจ๋า หายไปไหนกันหมด รู้สึกไหม เศรษฐกิจไม่ดี ขายของยาก
เริ่มหัวข้อโดย: Adminis ที่ มกราคม 17, 2015, 04:40:35 PM
ผลกระทบเริ่มเห็นเป็นวงกว้างแล้วล่ะครับ

จริงๆ เศรษฐกิจไม่ดีตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้วครับ แต่มาหนักจริงๆ ตอนต้นปีนี้ครับ
ส่วนใหญ่น่าจะโดนกันอยู่แล้วครับ เพียงแต่จะโดนกันขนาดไหนเท่านั้นครับ

ตอนนี้ทำได้แค่เพียงประหยัดและตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกไปก่อนครับ

ส่วนตัวทำงานบ.สัมผัสได้ครับ ยอดขายหายไปเยอะมากจนน่าตกใจ แต่ดีที่ส่งออกยังพอไปได้ครับ

ส่วนเพื่อนที่ทำธุรกิจส่วนตัว ส่วนใหญ่ก็บ่นอุบกันเลยทีเดียว ปกติพวกนี้จะไม่ค่อยบ่นเรื่องศก.
หัวข้อ: Re: ลูกค้าจ๋า หายไปไหนกันหมด รู้สึกไหม เศรษฐกิจไม่ดี ขายของยาก
เริ่มหัวข้อโดย: Adminis ที่ มกราคม 17, 2015, 04:41:55 PM
คนเอาเงินในอนาคตมาใช้กันเยอะ  ถ้าเจ้าหนี้เรียกเงินคืน

คงเจ๊งทั้งระบบ
หัวข้อ: Re: ลูกค้าจ๋า หายไปไหนกันหมด รู้สึกไหม เศรษฐกิจไม่ดี ขายของยาก
เริ่มหัวข้อโดย: Adminis ที่ มกราคม 17, 2015, 04:44:11 PM
จขกท.น๊า ...ผ่านไปอีก 1 วัน ออเดอร์ไม่ดีขึ้นเลยค่ะ มี3 ออเดอร์ ถ้าปกติคือหลัก 10 กลุ้มๆๆมาอ่านกระทู้ถึงได้รู้ว่ายอดตกกันทุกวงการ

น่าเครียดนะเราตั้งใจทำธุรกิจ การขายของทางเน็ทคืออาชีพหลักของเรา ถ้าเป็นอาชีพเสริมคงชิลกว่านี้ ...

ปีก่อนๆสาเหตุเพราะปิดเทอม ใกล้สงกรานต์คนเก็บเงินไว้เที่ยว การซื้อมันผ่านช่วงพีคไปแล้วคือต้นปี 

แต่ปีนี้ต้นปียอดไม่ดีเหมือนปีที่ผ่านมา  การเมืองมีส่วนแต่สำหรับธุรกิจของเราการเมืองกระทบแค่ 20%

สังเกตตั้งแต่ช่วงการเมืองระอุ พย.เราก้อไม่เห็นความผิดปกติ แต่เดือนนี้การเมืองไม่ค่อยร้อนฉ่าเท่าไหร่กลับฉุดยอดขายดำดิ่งจนบอกได้คำเดียวว่าตกใจ

อาจเป็นเพราะคนเริ่มรู้ตัวแล้วว่าเงินออมไม่มี อนาคตศก.จะแย่ เงินในคลังไม่มีแล้ว เลยไม่กล้าใช้เงินเหมือนปีก่อนๆ...

ร้านค้าแถวบ้าน ขายไอติม กาแฟ อาหารตามสั่งก้อบ่นกันนะว่าเงียบ ร้านกาแฟยังบอกว่าอยากปิดแอร์ตอนกลางวันเพราะลูกค้าน้อย แต่อากาศร้อน ค่าไฟบาน งดจ้างลูกจ้าง (เซฟคอสด้วย และเพราะลูกปิดเทอมอยู่เฝ้าร้านเองได้ตลอด)

ทุกอย่างมันมีที่มาที่ไปนะ เป็นห่วงโซ่....แต่ยังงงอยู่ดี อยู่ๆหายไปพรึ๊บ เหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาปิดสวิทช์ยังไงยังงั้น (^ ^)

อ่านต่อ...
http://pantip.com/topic/31799520 (http://pantip.com/topic/31799520)
หัวข้อ: Re: ลูกค้าจ๋า หายไปไหนกันหมด รู้สึกไหม เศรษฐกิจไม่ดี ขายของยาก
เริ่มหัวข้อโดย: Adminis ที่ มกราคม 17, 2015, 06:45:17 PM
/// อยากรู้จังว่าเศรษฐกิจแย่หรือดวงตก ///

ถาม รู้สึกเงียบยอดขายตก และบางอย่างซื้อของมาขายหารายได้เสริมไม่ได้เอากำไรมากยังเงียบเลยไม่ทราบเพื่อนๆๆพี่เป็นเหมือนกันไหมคับ

----------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: ลูกค้าจ๋า หายไปไหนกันหมด รู้สึกไหม เศรษฐกิจไม่ดี ขายของยาก
เริ่มหัวข้อโดย: Adminis ที่ มกราคม 17, 2015, 06:49:17 PM
/// ความคิดเห็นจากผู้อ่าน... ///

เงียบสุดๆ ครับ ซึ้งกับคำว่าสายป่านยาว ก็ช่วงเวลานี้เลยครับ
จะมีแต่ธุรกิจสีเทา การพนัน พวกนี้ที่จะทำกำไรเป็นกอบเป็นกำ (เพื่อนทำครับ)

-------------------------------------------------------------

ตอนนี้แย่กันทุกวงการจริงๆครับ

-------------------------------------------------------------

ซวยถ้วนหน้ากันทุกคนแหละ อย่าคิดมากเลยครับ

-------------------------------------------------------------

อดทน อดกลั้น อดออม...ครับ...เดี๋ยวก็เข้าที่....

ผมรู้สึกว่าผมทำงานหนักขึ้น 3 เท่า รายได้เท่าเดิมครับ....

ผมรู้สึกว่า ค้าขายไม่ดีมา ร่วมปี แล้วครับ...

ปีนี้ งดเที่ยวเมืองนอก ครับ....ประหยัดเท่านั้น หายใจคล่องตัวครับ...

หูตาไม่ไว หยุดหายใจทันที ครับ....สู้ๆ

อ่านต่อ...
http://www.bmwsociety.com/board/showboard.asp?id=165414 (http://www.bmwsociety.com/board/showboard.asp?id=165414)
หัวข้อ: Re: ลูกค้าจ๋า หายไปไหนกันหมด รู้สึกไหม เศรษฐกิจไม่ดี ขายของยาก
เริ่มหัวข้อโดย: Adminis ที่ มกราคม 17, 2015, 06:52:59 PM
/// เพื่อนๆคะ คิดว่าเศรษฐกิจช่วงนี้แย่มากไหมคะ ///

ถาม เพื่อนๆคะ คิดว่าเศรษฐกิจช่วงนี้แย่มากไหมคะ
จากประสบการณ์โดยตรงคิดว่า คนจับจ่ายใช้สอยน้อยลงชัดเจน

ยอดลงประมาณ 40 percent

ประจวบกับข่าวที่มีบริษัทใหญ่ๆในไทยปิดตัวลง เช่น ส.ฟาร์ม

โรงงานหลายๆแห่งปิดตัวลง เช่น อ.ที่พิจิตร 

ไอเอ็มเอฟเตือนไทยในเรื่องการใช้จ่ายภาครัฐ การส่งออกที่เป็นศูนย์ใกล้ติดลบ จีดีพีต่ำตม เพื่อนๆคิดว่าสถาณการณ์

เป็นอย่างไรบ้างคะ แล้วเราควรปรับตัวอย่างไรดีคะ

ปล / ดิฉันพูดตามหลักฐานเชิงประจักษ์ ถ้าคิดว่าไม่สมควรโพสต์กรุณาลบกระทู้ทิ้งด้วยค่ะ ขอบคุณ

ปล / ดิฉันเป็นกำลังใจให้เพื่อนร่วมบอร์ดทุกท่านรวมทั้งทีมงาน TOL ที่น่ารักทุกคนค่ะ

-----------------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: ลูกค้าจ๋า หายไปไหนกันหมด รู้สึกไหม เศรษฐกิจไม่ดี ขายของยาก
เริ่มหัวข้อโดย: Adminis ที่ มกราคม 17, 2015, 06:59:10 PM
/// ความคิดเห็นจากผู้อ่าน... ///

เสื้อผ้า ประตูน้ำ ซบเซามากครับ ToT

อ่านต่อ...
http://thinkofliving.com/forum/43552/%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B9%81%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%B0 (http://thinkofliving.com/forum/43552/%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B9%81%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%B0)
หัวข้อ: Re: ลูกค้าจ๋า หายไปไหนกันหมด รู้สึกไหม เศรษฐกิจไม่ดี ขายของยาก
เริ่มหัวข้อโดย: Adminis ที่ มกราคม 17, 2015, 07:01:56 PM
เศรษฐกิจช่วงนี้ แต่ละวงการโดนผลกระทบอะไรบ้างครับ ???
เช่น ใครทำงานโรงงาน ช่วงนี้โดนงด OT บ้างรึเปล่าครับ
ถ้าทำงานOffice โดนหักเงิน ลดเงินเดือน บ้างมั้ย
ใครค้าขาย ขายยากรึเปล่า หรือปกติดีอยู่

ใครทำธุรกิจส่วนตัว ช่วงนี้เป็นยังไงบ้างครับ
ชาวสวน ชาวไร่ ขายได้ราคามั้ยครับ

อยากให้เพื่อนๆมาแชร์ หรือมาบ่น ระบาย ก็ได้ครับ

สำหรับผม โดนเต็มๆละ ตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป ที่โรงงานโดนงด OT เรียบร้อยแล้วครับ เงิบเลย

ลูกน้องผมบางคนถ้าไม่มีโอทีนี่งานเข้าละครับ เพราะหนี้สินที่ต้องจ่ายมันเกินเงินเดือนกันทั้งน้านนน

ส่วนผมก็เหลือเก็บนิดหน่อย โดนบ้างแต่ไม่มาก แค่ไม่สามารถซื้อกีตาร์ตามที่ตั้งใจไว้เท่านั้น ฮือๆ

เพื่อนๆละครับ เป็นยังไงกันบ้าง ช่วงนี้ครับ

อ่านต่อ...
http://www.guitarthai.com/webboard/question.asp?QID=378985 (http://www.guitarthai.com/webboard/question.asp?QID=378985)
หัวข้อ: Re: ลูกค้าจ๋า หายไปไหนกันหมด รู้สึกไหม เศรษฐกิจไม่ดี ขายของยาก
เริ่มหัวข้อโดย: Adminis ที่ มกราคม 17, 2015, 07:04:03 PM
เศรษฐกิจปี 2557 แย่มากเลยหรือ?

เกริ่นนำ
    หลังจากออกบทความประจำคอลัมน์ไปเมื่อวันที่ 23 ธันวาคมศกที่แล้ว ก็มีเพื่อนฝูงและแฟนคลับโทรศัพท์มาถามมากพอสมควร ส่วนใหญ่แล้วคล้ายๆ กัน นั่นคือ เศรษฐกิจปีม้าจะแย่กว่าปีห้าหกที่ผ่านมาจริงหรือ และถ้าจริงจะแย่กว่าสักแค่ไหน?

    สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์แรกของปี หากผมจะนำเรื่องไม่ดีมาเสนอท่านผู้อ่าน ก็ดูจะเป็นการโหดร้ายจนเกินไป ผิดประเพณีไทยๆ

    ฉะนั้น จะขออนุญาตเดินสายกลาง เสนอทั้งสิ่งที่ดีและสิ่งที่อาจจะเป็น “ข้อพึงระวัง” เพื่อที่ท่านผู้อ่านจะได้ใช้ชีวิตในปีห้าเจ็ดได้อย่างมีความสุขตามสมควรแก่อัตภาพ
ปีม้าห้าเจ็ดจะเป็นปีแห่งการใช้ชีวิตกับความไม่แน่นอน

    ถ้าเป็นฝรั่งก็คงต้องพูดว่า The Year of Living Dangerously!

    จนถึงวันนี้ ภาพต่างๆ ก็เริ่มชัดขึ้นแล้วว่า “ความไม่แน่นอน” จะเป็นสภาวะแห่งความเป็นไปตลอดปี 2557 อย่างค่อนข้างแน่นอน ความไม่แน่นอนที่ว่ามีอะไรบ้าง ผมจะค่อยๆ นำเสนอทีละเรื่อง พร้อมข้อแนะนำว่าท่านผู้อ่านควรจะทำตัวอย่างไรในสภาพการณ์เช่นนี้

    ความไม่แน่นอนประการแรก ที่จะกลายเป็นสภาพปกติประจำของทุกท่านในปีนี้ก็คือ “ความผันผวน” (ซึ่งในบางครั้งก็อาจจะกลายเป็น “ความปั่นป่วน”) ทางการเมือง  ซึ่งเกิดจากความขัดแย้งทางความคิด ทางการเมือง และในทางผลประโยชน์ที่ยากจะประสานเยียวยาให้สมานกันได้  ฉะนั้น การปะทะกัน การประนีประนอมกัน (ชั่วคราว) และรูปแบบต่างๆ ระหว่างกลางก็จะต้องเกิดขึ้นตามสถานการณ์ในแต่ละช่วง ตลอดปีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    วิธีการรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ ที่ดีที่สุดก็คือ ตั้งใจทำงาน ระมัดระวังการใช้จ่าย และรักษาสุขภาพจิตให้แข็งแรง  ภาษาหุ้นก็คือต้อง “discount” ปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ให้ครบ แล้วเดินหน้าต่อ ความผันผวนก็จะค่อยๆ บรรเทาเบาบางลง

    ประการที่สอง สิ่งที่ทุกท่านจะต้องประสบก็คือ ความผันผวนทางการเงิน ยกตัวอย่างง่ายๆ สักสองตัวอย่าง

    ตัวอย่างแรก “อัตราแลกเปลี่ยน” เฉพาะเงินบาทต่อเงินดอลลาร์ หากท่านสั่งของจากต่างประเทศมาตอนต้นปี โชคดี supplier ให้ท่านชำระได้ตอนปลายปี ปรากฏว่าถึงเวลาโชคดีกลับกลายเป็นโชคร้ายครับ เพราะเงินบาทอ่อนตัวไปประมาณ 5 บาท แปลว่าหากของที่ซื้อราคา 10 ล้านดอลลาร์ ท่านก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นอีก 50 ล้านบาท ทำไปทำมากลายเป็นซื้อของแพง! ส่วนท่านที่เป็นหนี้ก็เท่ากับเป็นหนี้มากขึ้นอีกกว่า 20% โหดไหมครับ

    อีกตัวอย่าง “ตลาดหุ้น” รายการนี้ไม่ต้องดูกันยาวเป็นปี เพราะหุ้นนั้นเล่นได้เสียกันเป็นวัน หรือสำหรับหุ้นบางตัวบางชนิด เล่นกันเป็นชั่วโมง โดยเฉพาะหลังจากที่ตลาด “บูม” อย่างยิ่งในช่วงสองปีที่ผ่านมา ทั้งขาเล็กขาใหญ่ต่างพากันได้ใจ นึกว่าชิงช้าสวรรค์มีแต่สวิงขึ้นสู่สรวงสวรรค์ ไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่จะตกลงดิน (หรือดิ่งลงนรก) ตอนนี้ทุกคนล้วนแต่พยายามหาที่กำบัง ส่วนที่ยังไม่ได้คิดก็ยังคงฝันว่าสักวันดัชนีก็จะแตะ 1,700 เหมือนยุคก่อนต้มยำกุ้ง

    คำแนะนำของผมในการรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ก็คือ  ก่อนอื่นต้องตั้งสติให้มั่น คิดให้มากๆ ว่าทำไมจึงเกิดความผันผวนทางการเงินที่มีลักษณะ Downtrends เช่นนี้ อย่าคิดแต่ว่าเป็นเพราะปัจจัยทางการเมือง ต้องเลิกคิด เลิกโทษการเมืองแต่เพียงอย่างเดียวได้แล้ว ถึงเวลาต้องมอง  Fundamentals และใคร่ครวญให้รอบคอบอย่างจริงจังเสียทีว่าเศรษฐกิจประเทศไทยไม่ได้เข้มแข็งเหมือนคำโฆษณา เศรษฐกิจไทยไม่ได้ยิ่งใหญ่เหนือกว่าผู้ใดในอาเซียนอย่างที่กล่าวอ้าง

    เศรษฐกิจไทยมีปัญหาหนักหนาสาหัสหลายด้าน บางปัญหาก็เกิดขึ้นใหม่ แต่ส่วนใหญ่เป็นปัญหาที่เรื้อรังมาเป็นเวลานาน กำลังรอวันปะทุ (อาจจะเริ่มปะทุบ้างแล้วก็ได้) หากไม่คิดอ่านทำอะไรกันอย่างรีบด่วน เหมือนอย่างที่ อาจารย์สมภพ มานะรังสรรค์ พูดไว้ในหลายที่หลายโอกาสในช่วงปลายๆ ปีที่แล้ว ซึ่งประทับใจผมมาก เพราะท่านพูดตรงไปตรงมา เข้าเป้าทุกประเด็นไม่อ้อมค้อม
เศรษฐกิจปี 2557 แย่มากเลยหรือ?

    หลังจากตั้งสติได้แล้ว ลองมาทบทวนดูว่า “เศรษฐกิจปีห้าเจ็ดแย่มากเลยหรือ”

    คำตอบของผมก็คืออาจจะแย่มากก็ได้ หรืออาจจะไม่ถึงกับแย่มากก็ได้ แต่ที่แน่ๆ คือ “แย่”

    ฉะนั้น ก่อนอื่นต้องช่วยตัวเอง และเตรียมตัวสำหรับรับมือกับเศรษฐกิจที่ค่อนข้างแย่ ซึ่งก็จะแปลว่า

    หนึ่ง ค่าเงินผันผวน และมีแนวโน้มที่เงินบาทจะอ่อนค่าลงไปอีก ฉะนั้นใครที่ทำมาหากินเกี่ยวกับการนำเข้า-ส่งออกก็ต้องเริ่มหาช่องทาง “Hedge” กับค่าเงินบาทได้แล้ว จะทำอย่างไร ต้องคุยกันวันหลังครับ เพราะใช้เนื้อที่กระดาษมากพอสมควรในการสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดกัน

    สอง ราคาหุ้นในตลาดปั่นป่วนเป็นระยะๆ และมีแนวโน้มที่จะดิ่งลงไปเรื่อยๆ ฉะนั้นใครที่ชอบลงทุนในตลาดหุ้นก็ต้องเริ่มหา “ยุทธศาสตร์ / ยุทธวิธี” ในสถานการณ์พิเศษได้แล้ว  แต่สำหรับท่านที่ไม่ได้ชอบและหลวมตัวเข้าไปเล่นแล้ว ก็ต้องเริ่มหา “ทางออก” ให้เหมาะๆ โดยดูทางหนีทีไล่ จังหวะเวลาให้ดี ซึ่งคงแนะนำในรายละเอียด ณ ที่นี้ไม่ได้ เพราะต้องดูหุ้นเป็นรายตัว และดูต้นทุนที่ซื้อมา และใช้เงินตัวเองหรือ Margin ฯลฯ 333

    สาม อัตราดอกเบี้ยจะเริ่มไม่นิ่ง ส่วนจะขยับเมื่อไหร่ขึ้นกับปัจจัยและสถานการณ์อีกหลายอย่าง แต่ที่แน่นอนก็คือ   “แนวโน้มขาขึ้น” ฉะนั้น ท่านทั้งหลายที่ต้องกู้ยืมเงินมาใช้ทำธุรกิจ ต้องเริ่มวางแผนทางการเงินเสียใหม่ได้แล้ว (ว่าจะทำอย่างไรจึงจะลดขนาดเงินกู้ในปัจจุบัน และความจำเป็นในอนาคต) ไม่งั้นธุรกิจท่านมีโอกาสสะดุดได้ง่ายๆ ส่วนท่านที่เป็นผู้บริโภคต้องผ่อนบ้านผ่อนรถ ต้องเริ่มวางแผน Personal Budget ในแต่ละเดือนให้กระชับรัดกุมขึ้นได้แล้ว เพราะเงินท่านที่จะต้องออกไปชำระค่าดอกเบี้ยกำลังจะเพิ่มขึ้น

    ทว่า ภายในวิกฤติย่อมมีโอกาสฉันใด ปีห้าเจ็ดก็อาจเป็นปีแห่งแสงทองเรืองรองเหนือขอบฟ้าได้ฉันนั้น โดยเฉพาะท่านที่มีโลกทรรศน์ที่เปิดกว้าง เพราะดูตามแนวโน้มทางการเงิน ปีนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของรอบแห่งการฟื้นตัวของตลาดเงินและตลาดทุนในยุโรปกับอเมริกา (พ่วงญี่ปุ่น)  ซึ่งหมายความว่าสำหรับท่านที่มีเครือข่ายระดับอินเตอร์ฯ โอกาสที่จะแสวงหาเงินต้นทุนต่ำ และช่องทางการลงทุนในต่างประเทศที่เสี่ยงน้อยกว่าบ้านเรา แถมผลตอบแทนอาจจะดีกว่าด้วยซ้ำกำลังจะเป็นของท่าน ต้องเปิดหูเปิดตาให้กว้าง แล้วติดตามดู.

เครดิต วีระ  มานะคงตรีชีพ
ที่มา http://www.thaipost.net/news/060114/84219
หัวข้อ: Re: ลูกค้าจ๋า หายไปไหนกันหมด รู้สึกไหม เศรษฐกิจไม่ดี ขายของยาก
เริ่มหัวข้อโดย: Adminis ที่ มกราคม 17, 2015, 07:09:10 PM
วิธีปรับตัวธุรกิจ เพื่ออยู่รอด

เศรษฐกิจแย่ แต่ธุรกิจแย่ไม่ได้ (ปรับตัวธุรกิจเพื่ออยู่รอด)

เมื่อวันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน 2551 หนังสือหลายฉบับได้ลงข่าวเรื่องธนาคารระดับโลกแห่งหนึ่งมีแผนปลดพนักงานออกกว่า ห้าหมื่นคนทั่วโลก ซึ่งถือว่าจำนวนดังกล่าวเป็นตัวเลขที่สูงมาก

ในวันเดียวกันบริษัทผู้ผลิตยักษ์ใหญ่ก็มีแผนปรับลดจำนวนพนักงานในเมืองไทยประมาณ สองร้อยแปดสิบคน สองข่าวนี้เป็นสัญญาณเตือนผู้ประกอบการทุกท่าน ภาวะตลาดที่ทุกท่านเจอในปีนี้ที่ว่าซบเซาแล้วนั้น ยังไม่ถึงจุดต่ำสุดของวงจรเศรษฐกิจรอบนี้แน่นอนครับ ปีนี้ยังเผาหลอก แต่ปีหน้าเผาจริงครับ

แน่นอนครับสำหรับพวกเราในฐานะผู้ประกอบการ เศรษฐกิจจะแย่อย่างไร ธุรกิจที่เราดำเนินอยู่ก็คงต้องดำเนินต่อไป ล้มไม่ได้ หากธุรกิจล้มก็หมายความว่า มีอีกหลายชีวิตที่ต้องล้มตามธุรกิจไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นลูกน้อง ครอบครัว ผู้มีส่วนได้เสียอื่นๆ นี่มองในมุมเล็กๆของธุรกิจเดียวเท่านั้นนะครับ

ถ้าหากมองในระดับประเทศหละครับ คงเหมือนโดมิโนที่ล้มเพียงตัวเดียวก็จะล้มกันเป็นแถบๆเลย  คำถามคือว่า แล้วผู้ประกอบการทุกท่านจะวางแผนกลยุทธ์อย่างไรในสภาวะการณ์ปัจจุบัน และในกาลข้างหน้า ผมขอกล่าวแนวทางการดำเนินกลยุทธ์ของบริษัทผมเผื่อเป็นแนวทางในการที่ท่านอาจจะสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจของท่านได้ครับ

แนวทางปฏิบัติที่หนึ่ง : ตรวจสอบสุขภาพของธุรกิจ ณ.สถานการณ์ ปัจจุบัน และคาดการณ์อนาคต

ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมาทางบริษัทผมได้มีการตรวจสอบ และวิเคราะห์ธุรกิจของผมเพื่อมองว่าเราจะอยู่รอดในสถานการณ์ดังกล่าวนี้ได้อย่างไร

สิ่งที่ผมได้ทำการตรวจสอบมีหลายประการด้วยกันเช่น กำไรต่อเดือน ยอดขายที่ลดลง จำนวนลูกค้า สถาะการ์การเงินของบริษัท จุดคุ้มทุนในการดำเนินงาน นอกจากนี้ผมยังได้มีการทำประมาณการณ์เกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้าด้วยว่าจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นยอดขาย ผลกำไร จำนวนสินค้าคงคลัง ความต้องการตลาดเป็นต้น

หลังจากผมทำการตรวจสอบสถานปัจจุบัน และคาดการณ์สถาพตลาดในอนาคตแล้ว ผมก็เริ่มมานั่งวิเคราะห์ธุรกิจที่ตัวเองมีอยู่นั้น มีอะไรบ้าง ธุรกิจไหนมีแนวโน้มดี ธุรกิจไหนมีแน้วแย่  ธุรกิจไหนที่เรามีความเชี่ยวชาญ ธุรกิจไหนที่เราไม่ค่อยเชี่ยวชาญ แหล่งรายได้ของเรามาจากธุรกิจไหนเป็นหลัก เพื่อเป็นการตัดสินใจในแนวปฎิบัติในข้อต่อไป

แนวทางปฏิบัติที่สอง : เน้นธุรกิจหลัก ตัดธุรกิจรองที่ไม่คุ้มทุน
หลังจากที่ผมได้วิเคราะห์ธุรกิจที่ผมมีอยู่ โดยใช้หลักเกณฑ์ที่ได้กล่าวไว้ในข้อที่หนึ่ง ผมได้ทำการตัดใจที่จะเน้นที่ธุรกิจหลักที่เป็นแหล่งรายได้หลักของผม ซึ่งมีแนวโน้มในระยะยาวที่ยังดีอยู่

และที่สำคัญที่สุดสำหรับผมคือ ผมต้องมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจนั้นๆอย่างดีด้วย ผมได้มีการจัดลำดับธุรกิจที่มีความสำคัญลำดับหนึ่ง สอง สาม ไว้ในสมุดโน๊ตของผมเพื่อเตือนตัวเองเสมอว่า อะไรคือธุรกิจหลักของเรา เพื่อเป็นกรอบในการดำเนินกลยุทธ์

หากเหตุการณ์ในอนาคตไม่ดีผมสามรถตัดสินใจได้ชัดเจนและตรงประเด็นว่า ธุรกิจไหนที่ผมจะทำต่อ ธุรกิจไหนที่สามารถโอนถ่าย หรือขานกิจการไป ในบางสถานการณ์ เราก็ต้องตัดสินใจในการตัดแขนข้างใดข้างหนึ่งเพื่อรักษาชีวิตไว้ แต่แน่นอนครับมันเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะทำ

แนวทางปฏิบัติที่สาม : หารายได้จากธุรกิจเสริมที่สามารถต่อยอดจากธุรกิจหลัก
เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ธุรกิจหลักของผมมีปัญหาเกี่ยวกับยอดขาย ยอดขายของผมตกลงมาประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์จากเดือนก่อน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งตลาด

คำถามคือผมไปเปลี่ยนความต้องการตลาดให้มากขึ้นได้หรือไม่ แน่นอนว่ามันคงเป็นไปไม่ได้แน่นอน แล้วผมจะทำอย่างไรหละ จะให้ผม”ทำใจ” แล้วทำเป็นปูนไม่รู้ร้อนก็คงเป็นไปไม่ได้ ธุรกิจก็ธุรกิจของเรา ทำมากก็ได้มาก ผมเลยมานั่งตรึกตรองดูว่าจะมีวิธีการอย่างไรในการที่สร้างรายได้ให้สูงขึ้นจากที่เป็นอยู่

แน่นอนครับจะให้ผมเพิ่มยอดขายจากรายได้หลัก ก็คงเป็นไปไม่ได้ ผมเลยถามตัวเองว่าตอนนี้บริษัทของเรามีรายได้จากแหล่งไหนบ้าง ผมขอตัวอย่างอย่างเช่น บริษัทผมมีรายได้จาการขายรถจักรยานยนต์ การต่อภาษี พ.ร.บ การบริการแก่ลูกค้าด้านศูนย์บริการ โดยปกติผมจะมองแต่รายได้รถจักรยานยนต์ เป็นหลัก

ในสภาวะอย่างนี้ผมเลยตัดสินใจในการที่เพิ่มรายได้จากบริการอื่นๆที่ผมมี โดยใช้การตลาดนำ(ทำอย่างไรจะกล่าวในบทความอื่นๆต่อไป) หลังจากที่ผมดำเนินการด้านการตลาดประมาณ 2 เดือน รายได้ส่วน การต่อภาษี พ.ร.บ เพิ่มขึ้นประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ โดยใช้ค่าใช้จ่ายการตลาดที่เพิ่มขึ้นน้อยมากถือว่าคุ้มมาก

ระหว่างการดำเนินกลยุทธ์สร้างรายได้จากธุรกิจเสริม ผมก็ถามตัวเองต่อว่าแล้วเราจะหารายได้จากธุรกิจหลักนี้ได้อย่างไรอีก ผมก็เริ่มคิด หาข้อมูล พูดคุยกับผู้คนในวงการ

ปรากฎว่าผมหารายได้เสริมจาดธุรกิจเสริมที่สร้างขึ้นใหม่ได้อีก สองอย่าง และเริ่มดำเนินการไปแล้วประมาณสองเดือน ผลตอบรับกลับมาค่อนข้างดี ข้อคิดจากแนวทางปฎิบัติที่สามนี้คือ เงินอยู่รอบๆตัวเรา ขึ้นอยู่กับว่าเราจะหยิบขึ้นมารึเปล่า และรู้วิธีการหยิบให้ง่ายๆ

แนวทางปฏิบัติที่สี่ : จัดการกับเงินสดให้ดี
เงินสดเป็นสิ่งที่สำคัญมาในทุกสภาวเศรษฐกิจครับ แต่จะสำคัญอย่างยิ่งในช่วงเศรษฐกิจแย่ๆอย่างนี้ นักการเงินจะทราบเรื่องเงินสดดีมากว่า ถ้าให้ลำดับความสำคัญระหว่างกำไร กับ เงินสด นักการเงินเลือกเงินสดมากว่า กำไร

เพราะหากมีกำไรในงบกำไรขาดทุน แต่รายได้เหล่านั้นได้มาโดยให้เครดิตแก่ลูกค้าไป หากลูกค้าไม่มีความสามารถในการจ่ายคุณ รายได้หรือกำไรที่คุณเห็นก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย 

ดังนั้นผู้ประกอบการจะต้องพยายามบริหารเงินสดให้มีประสิทธิภาพที่สุด วิธีหลักๆเพื่อนำไปปฏิบัติก็คือ

วิธีที่ 1 บริหารลูกหนี้ของคุณให้ดี ตรวจสอบจากพนักงานเก็บเงินของคุณบ่อยๆ เพื่อรู้สถานะของลูกหนี้ 

วิธีที่ 2 เน้นการการเป็นเงินสดหากเป็นไปได้ นึกภาพเศรษฐฐีเงินสด(ตัวอ้วน)เปรียบเทียบกับเศรษฐีเงินเชื่อ(ตัวผอมหิวโซ)ไว้ว่าเราอยากเป็นเศรษฐีประเภทไหน

วิธีที่ 3 ขอเครดิตจากคู่ค้าของคุณให้ยาวขึ้น ยิ่งยาวยิ่งดี สามารถจะช่วยให้สถานะเงินสดของท่านดีขึ้น

วิธีที่ 4 จัดการสินค้าคงคลังให้มีประสิทธิภาพที่สุด พยากรณ์ยอดขายให้ถูกต้อง

แนวทางปฎิบัติที่ห้า : ลดหนี้เก่า อย่าก่อหนี้ใหม่ ชลอการลงทุน
ในแนวทางปฎิบัตินี้มีประเด็นหลักคือ พยายามลดดอกเบี้ยที่ท่านจะต้องจ่ายในทุกเดือนให้น้อยลงที่สุดเท่าที่จะทำได้

ผมไม่ค่อยห่วงดอกเบี้ยที่เสียให้แบงค์ครับเพราะเทียบเป็นรายจ่ายน้อยกว่า ดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากเงินกู้นอกระบบที่มีการเก็บดอกเบี้ยที่ค่อนข้างสูง

ทางปฎิบัติที่ดีที่สุดหากเลือกได้คือ ลำดับแรกจ่ายหนี้ระบบให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ลำดับสองคือจ่ายหนี้ธนาคาร ประเด็นต่อมาคือ พยายามอย่าก่อหนี้ใหม่

ในความหมายนี้ไม่ได้หมายความว่าให้ท่านตัดโอกาสในการลงทุน แต่ให้ท่านให้แนวอนุรักษ์นิยมในการตัดสินใจลงทุน พยายามประเมินโครงการที่ท่านองค์ในกรณีที่แย่ที่สุดที่จะเป็นไปได้

แนวทางปฎิบัติที่หก : เก็บกวาดบ้านให้น่าอยู่: สร้างและพัฒนาระบบงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
ในช่วงเศรษฐกิจอย่างนี้เป็นช่วงที่พนักงานแต่ละคนจะมีเวลาว่างมากขึ้นในทุกๆแผนก ดังนั้นเราสามารถช่วงเวลานี้ในการพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงาน เช่นการดำเนินงาน 5ส. พัฒนาขั้นตอนการปฎิบัติงาน ปรับปรุงกระบวนการทำงานอย่างต่อเนื่อง หรือทดลองระบบงานใหม่ๆที่พัฒนาขึ้นมาเป็นต้น

ทั้งหมดก็เป็นหกแนวทางปฎิบัติในยามที่ธุรกิจซบเซาอย่างนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับองค์กรของท่านได้ครับ

ในฐานะผู้ประกอบการเหมือนข้อฝากข้อคิดไว้ให้ทุกท่านนะครับว่า ถ้าเรารักที่จะเป็นผู้ประกอบการแน้วละก็ ทุกท่านสามารถจะท้อได้ ทุกคนก็เคยท้อเหมือนกันหมด

แต่สิ่งที่แยก ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ กับล้มเหลวคือ ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จท้อได้ แต่ไม่ถอยครับ

ที่มา http://www.oknation.net/blog/innovation/2008/11/24/entry-2 (http://www.oknation.net/blog/innovation/2008/11/24/entry-2)
หัวข้อ: Re: ลูกค้าจ๋า หายไปไหนกันหมด รู้สึกไหม เศรษฐกิจแย่ ขายของยาก
เริ่มหัวข้อโดย: Adminis ที่ มกราคม 17, 2015, 07:30:16 PM
กลอนประหยัดอดออม 

มีสลึง พึงบรรจบ ให้ครบบาท
อย่าให้ขาด สิ่งของ ต้องประสงค์
มีน้อย ใช้น้อย ค่อยบรรจง
อย่าจ่ายลง ให้มาก จะยากนาน...

กลอนการประหยัดเงิน โดย ท่านสุนทรภู่...
 :wanwan017:
หัวข้อ: Re: ลูกค้าจ๋า หายไปไหนกันหมด รู้สึกไหม เศรษฐกิจไม่ดี ขายของยาก
เริ่มหัวข้อโดย: Adminis ที่ มกราคม 18, 2015, 11:01:14 PM
คนเอาเงินในอนาคตมาใช้กันเยอะ  ถ้าเจ้าหนี้เรียกเงินคืน
คงเจ๊งทั้งระบบ

ผมว่านั่นก็เป็นสาเหตุหนึ่งนะครับ

คนเอาเงินในอนาคตมาใช้
ถึงเวลาก็ต้องใช้คืน ทั้งต้นทั้งดอก

ไหนจะที่ต้องใช้จ่ายในชีวิตประจำวันตามปกติอีก

สุดท้ายคนก็ไม่มีเงิน คนก็ต้องประหยัดกัน
พอทุกคนประหยัดกัน สินค้า บริการต่าง ๆ ก็ขายไม่ดี

พ่อค้าแม่ค้าขายสินค้าไม่ได้ ก็มีผลกระทบต่อๆไปอีกครับ

 :wanwan008:
หัวข้อ: Re: ลูกค้าจ๋า หายไปไหนกันหมด รู้สึกไหม เศรษฐกิจแย่ ขายของยาก
เริ่มหัวข้อโดย: Adminis ที่ มกราคม 18, 2015, 11:10:51 PM
คนเอา เงินในอนาคต ใช้กันเยอะ

หากเรา นำเอาเงินอนาคต มาใช้เยอะๆ
โดยเงินนั้น ไม่ได้สร้างผลตอบแทน ที่คุ้มค่ากลับมา
ความเสี่ยง ก็จะสูงขึ้น ตามไปด้วยครับ

เงินอนาคต ต้องคิดก่อนใช้ ให้ดีครับ

 :tongue:
หัวข้อ: Re: ลูกค้าจ๋า หายไปไหนกันหมด รู้สึกไหม เศรษฐกิจแย่ ขายของยาก
เริ่มหัวข้อโดย: Adminis ที่ มกราคม 19, 2015, 01:55:46 AM
สำหรับคน ที่คิดว่าตัวเอง ลำบาก และท้อแท้

*** บนโลกนี้ ยังมีคนลำบากกว่าเรา อีกมาก...
คนจน จน ไม่มีอะไรจะกิน ก็เยอะ ... ***

คนที่ลำบากกว่าเรา คนที่แย่กว่าเรา ยังมีอีกเยอะครับ
เพราะไม่ใช่เรา ที่แย่ที่สุดในโลก...