●● ท่องเที่ยววันหยุด วาไรตี้แสนสนุก! เรื่องราวฮอตฮิต! สิ่งที่คุณเห็น...จะทำให้คุณต้องตะลึง คลิ๊ก! ●●

หาเพื่อน หาแฟน หาคู่

เล่นเกมส์

ดูดวง

สูตรวิเศษ สาระน่ารู้ เรื่องสุขภาพ

งาน - อาชีพเสริมทำเงินล้าน

ผู้เขียน หัวข้อ: 6 วิธีหาเงิน ที่ชั่วร้ายที่สุด ในประวัติศาสตร์!  (อ่าน 2358 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ friend

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 208
  • ถูกใจ 0
6 วิธีหาเงิน ที่ชั่วร้ายที่สุด ในประวัติศาสตร์!
สิ่งที่จะอ่านต่อไปนี้ ขอเตือนว่าอย่าทำเป็นเยี่ยงอย่าง...

หรือถ้าจะทำ ถ้าคิดว่าทำได้ ก็จะลองดูก็ได้ผมก็ไม่สามารถห้ามชีวิต ของทุกท่านได้

แต่ถ้าเป็นไปได้ผมแนะนำ ยอมเป็นหนี้ หรือ ใช้หนี้อย่างช้า ๆ ดีกว่ารวยด้วยวิธีการแบบที่ผมจะลงให้ดูแบบนี้ดีกว่า ชีวิตต้องเดินไปทีละ step อย่าคิดทำอะไรทางลัดเด็ดขาดนะจ้ะ ....

แต่ถึงกระนั้น ถึงคุณเป็นหนี้เป็นล้าน ๆ บาท คุณก็ไม่มีทางที่จะทำวิธีที่ผมจะลงให้ดูได้หรอก

ถ้าคุณจะทำ แล้วคิดว่าทำได้แน่ มีอย่างเดียว .....
คือคุณ ต้อง "เสียสติ" ไปแล้วแน่ ๆ

อันดับ 6. เบลล์ กันเนส (Belle Gunnes) ฆ่าเอาประกัน
เบลล์ กันเนส (เกิด ค.ศ. 1859 ตาย ค.ศ. 1931??)  ฆาตกรสาวที่มีวิธีหาเงินแบบหน้าด้านๆ ที่ปัจจุบันมักทำกัน นั้นคือ “ฆ่าเอาประกัน” ที่มันช่างง่ายและได้เงินดีเสียด้วยสิ  เบลล์ กันเนส อพยพจากประเทศนอร์เวย์มาสหรัฐอเมริกาใน1881และแต่งงานกับสามีจากนั้นก็ซื้อบ้าน แต่อยู่ไม่ถึงหนึ่งปีบ้านก็ไฟไหม้โชคดีมันได้รับประกันภัย และเธอใช้เงินนั้นมาซื้อบ้านอีก ในปี 1898 บ้านก็โดนไฟไหม้อีกและได้เงินประกันอีก จากนั้นใน ปี 1900 บ้านเธอก็ไหม้อีก แถมคราวนี้สามีของเธอในกองเพลิงด้วย แน่นอนเบลล์ก็ได้เงินประกันอื้อเลย

จากนั้น เบลล์ ก็ใช้เงินที่จะซื้อฟาร์มใน La Porte, Indiana และต่อมาไม่นาน ในปี 1902 สามีคนที่สองก็ตายด้วยอุบัติเหตุเครื่องบดไส้กรอกหล่นใส่หัว (มันหล่นอิท่าไหนวะ)

แม้จะน่าสงสัยแต่บริษัทประกันยินดีจ่ายให้เธอเป็นเงิ น $3,000จาก นั้นเบลล์ก็ประกาศหาสามีในหนังสือพิมพ์ สองปีต่อมามีชายหลายคนที่เป็นสามีหายไปในฟาร์มเธอไปห ลายราย และเธอก็ได้เงินประกันจากการสามีหายซะด้วยสิ

ในตอนท้าย 28 เมษายน 1908 ผู้ คนเกิดความสงสัยม่ายสาวคนนี้เลยบุกเข้าฟาร์มเพื่อค้นบ้าน ตำรวจที่ค้นพบร่างสี่ร่างในห้องใต้ดิน ผู้ใหญ่หนึ่ง และเด็กสาม ที่คาดว่าเป็นลูกของเธอจากนั้นก็ค้นพบร่างอีก 12 ร่าง ที่ระบุไม่ได้เป็นใครเพราะถูกตัดหัว

ส่วนตัวเบลล์นั้นเธอชิงฆ่าตัวตายก่อนโดยการเผาตนเองพ ร้อมบ้าน แต่ผลชันสูตรศพของเธอนั้นหลายฝ่ายไม่เชื่อว่าศพนี้เป ็นของเธอ เพราะศพนั้นเตี้ยกว่าส่วนสูงของเบลล์ถึงหกฟุต ต่างกันกว่าสองนิ้ว?? เธอทำเงินมากเท่าไหร่?

คะเนได้ว่าสาวคนนี้ทำเงินไป $ 30,000 จากสามีต่างๆผู้ซึ่งได้รับดูดในโดยโฆษณาหนังสือพิมพ์ บ้านถูกไฟไหม้(ซึ่งไหม้ประจำ)เป็นครั้งละ $ 250,000

อันดับ 5. แฮร์กับเบอร์ค (Hare & Burke William) ดักฆ่าคนกลางทางแล้วเอาศพไปขายให้นักศึกษาแพทย์
แฮร์กับเบอร์ค (Hare & Burke William)คนสองคนทำอะไรก็ได้เพื่อเงิน...ในช่วงศตวรรษ 19 อังกฤษอยู่ในช่วงพัฒนาด้านการผ่าตัดเพื่อรักษา ดังนั้น

พวกเขาจำเป็นต้องศึกษาร่างกายให้ถี่ถ้วน โดยใช้ร่างของคนตายมาชำแหละเพื่อทำการวิจัยแต่การโดนจำกัดเรื่องกฎหมายเนื่องจากเขาอนุญาตให้ใช้

ผู้ตายในคดีอาชญากรรม เท่านั้น ดังนั้นทำให้หลายคนจึงแอบใช้วิธีขุดศพที่ตายใหม่ๆ จากหลุมแล้วนำมาขายให้แพทย์ ซึ่งได้เงินเสียด้วยสิ (ประมาณ7 ปอนด์ ต่อน้ำหนัก)

แต่สำหรับแฮร์กับเบอร์คเขามีวิธีหาเงินง่ายกว่าขุดศพมาขายอีก ก็ฆ่าเหยื่อแล้วสวมรอยเป็นศพที่แอบขุดไง ตอนแรกทำกับคนที่

บ้านเช่าของพวกเขา พอนานๆ วันก็หันมาดักฆ่าเหยื่อตามท้องถนนยามค่ำคืนในปี 1827 เอาคนที่เร่ร่อน ไม่หัวนอนปลายเท้า คนอ่อนแอ ไร้พิษสง

คนแก่นี้แหละง่ายดี จากนั้นก็มาสวมรอยว่าเป็นศพที่ขุดจากสุสาน หลอกขายให้แพทย์ที่รับซื้อ เสร็จแล้วก็ได้ตังค์เข้ากระเป๋าแบบสบายอุรา

แฮร์กับเบอร์ค ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ กว่า18 เดือน มีเหยื่อที่ตายด้วยฝีมือของพวกเขา 16 คน (บางเว็บ 30 คน)และ ผลสุดท้ายก็หยุดลงเมื่อแฮร์ทรยศ

หักหลังเขาเอาเรื่องนี้ไปบอกตำรวจเพื่อ แลกกลับการอภัยโทษเขาส่งผลให้เบอร์คถูกลงโทษประหารชีวิตเพียงคนเดียว แถมเชือกที่ใช้แขวนคอเขานั้น

มันสั้นเกินไป เขาตายอย่างช้าๆ อย่างทรมาณ จากนั้นร่างกายไร้วิญญาณของเขาถูกส่งให้นักเรียนแพทย์เพื่อใช้ชำแหละศึกษา สอดคล้องกับกฎ

อังกฤษในลงโทษอย่างเหน็บแนมเขาทำเงินมากเท่าไหร่?

ใน เวลาต่อมาได้มีการค้นพบสมุดบันทึกประจำวันเกี่ยวกับโ จรกรรม และรายการศพที่ลูกค้าต้องการไว้ จากการตรวจสอบพบว่า ศพที่แพงที่สุด

ขายให้นักศึกษาแพทย์คือ “ศพ วันที่ 1กรกฎาคม ขายได้เงิน 10 ปอนด์ โดยไม่รวมคนที่เขาฆ่าทั้งหมด 30 คนนะเนี้ย

อันดับ 4. ผลประโยชน์ของพนักงานดับเพลิง
มาร์คัส ลิซินิอัส แครซซัส (Marcus Licinius Crassus)115?-53 ก่อนคริสตกาล

ใน สมัยโรมัน มีนักการเมืองคนหนึ่งชื่อ มาร์คัส ลิซินิอัส แครซซัสได้มีไอเดียบรรเจิดที่จะสร้างหน่วยดับเพลิงแรกรุ่นแรกของโลกขึ้น โดยใช้กองทหารผสมของเขา

เรื่อง ทั้งหมดเริ่มขึ้นเมื่อ แครซซัสได้สังเกตว่าสิ่งก่อสร้างในกรุงโรมเมืองหลวงข องอิตาลีส่วนใหญ่ทำจาก วัสดุที่ติดไฟง่ายและอาคารก็สูงเกินไป และเมื่อไฟติดเมื่อใดละก็นับลองไฟลามทั่วกรุงโรมแน่ๆ ดังนั้นจึง แครซซัส จึงซื้อทาสมา 500 คน และรวมกับทหารเป็นหน่วยดับเพลิง

แต่พอถึงเวลาไฟไหม้กรุงโรมจริง แครซซัส กลับไม่ยอมให้ทหารมาดับไฟ ด้วยเหตุผลที่ว่าต้องมีเงินค่าดับไฟมาจ่ายก่อน (ต่อรองในขณะที่ไฟไหม้ทั่วกรุงโรม)

"ดับในอาคารที่กำลังไหม้ไฟต้องจ่าย 30 Talents (ค่าเงินของโรมัน) 

"ดับไฟที่ดาดฟ้าต้องจ่าย 72 Talents!"

"20 Talents ถ้าไฟมันไหม้ติดเพื่อนบ้าน(โดนจ่ายแน่นอนเพราะบ้านของโรมันอยู่ติดกัน)"

"ถ้าจะให้วิ่งต้องเงินเพิ่ม10 Talents "

"ถ้าจะให้ผมไปดับไฟ ก็โชว์เงินให้ดูก่อนเซ่"
 
แน่นอนประชาชนจำเป็นเองจ่ายเงินตามที่พวกแครซซัสเสนอ และพวกเขายังหาเงินหน้าด้านแบบนี้หลายปี

จนกระทั้งพวกลูกหนี้ทนไม่ไหวเลยไปเจรจากับ แครซซัส หัวหน้านักดำเพลิงดู จนสุดท้ายก็ตกลงกันไม่ได้ พวกลูกหนี้เลยจัดการ แครซซัสด้วยวิธีสุดลึกล้ำด้วยการมัด และทรมาน แล้วจับกรอกปากด้วยทองคำหลอมละลายซึ่งทำให้เขาตายอย่างทรมาน

เขาทำเงินมากเท่าไหร่?

แครซซัสสะสมเงินที่ได้จากการต่อรองเรื่องดับไฟเท่ากับรายได้ประจำปีของคลังโรมัน เป็นจำนวนเงินกว่า 7,100 หรือ 200 ล้านดอลลาร์ปัจจุบัน

อันดับ 3. ทำให้ตนเองพิการแล้วเอาเงินประกัน
ผู้คนใน เเวนอล ฟลอริดาผมว่ามันโครตลงทุนเลยนะเนี้ยที่ townsfolk ของ เเวนนอล มีคดีที่แสนปวดหัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างมาก

เมื่อประชาชนพร้อมใจกันที่จะเสียแขนขาตัวเองเพื่อได้ รับเงินประกันภัยตามที่ ตกลงกันไว้โดยมีคดีเกิดขึ้นในเมืองนี้กว่า 50 รายในเเวนอล (ประชากร

780 ของพื้นที่) .L.W Burdeshaw ตัวแทนบริษัทประกันภัยบอกว่า ในช่วง ค.ศ. 1982 มี ลูกค้าหลายรายยอมเสียแขนขาเพื่อเอาเงินประกัน

บางคนยอมเอาเลื่อยเลื่อยแขนซ้ายของเขาโดยอ้างว่าได้รับอุบัติเหตุขณะทำงาน บางคนสูญเสียมือสองข้างโดนอ้างว่ายิงเหยี่ยวพลาด

(น่าเชื่อเนอะ)และบางคนใช้วิธีการตัดแขนตัดขาของเขาได้อย่างหลากหลายไม่ว่าจะเป็น ปืนยาว หรือ เครื่องแทร็กเตอร์ ถือได้ว่าเป็นความพยายาม

จริงๆ มากกว่าหน้าด้านนะเนี้ย

เขาทำมากเท่าไหร่?

ในเมืองนี้ไม่มีใครเลยที่ถูกว่ากระทำผิดฐานโกงเงินปร ะกัน ซึ่ง 38 บริษัท ยินยอมจ่ายเงินให้คนเหล่านี้ โดยไม่สงสัยว่ามันช่างเป็นอุบัติเหตุตลกแต่

อย่างใด ในเมื่อเอ็งกล้าทำก็กล้าจ่ายละฟ่ะ แต่ถึงแม้จะมีการฟ้องร้องก็ยากจะให้ลูกขุนเชื่อว่าพวกเขายอมเสี่ยงยอมกล้า ที่จะตัดแขนขาเพื่อเอาเงินประกัน

อันดับ 2 เอซ. เอซ โฮล์ม (H.H Holmes)
เมื่อหมอบวกกับวิปริตก็กลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวอย่าง เหลือเชื่อ H.H Holmes เป็นหมอที่จบจากมหาวิทยาลัยของมิชิแกน ในปี 1884 เขา

เป็นผู้ชายน่ารัก, หล่อ, เป็น มิตร และน่าหลงไหล เขาเคลื่อนย้ายสู่เมืองชิคาโกทำงานในเภสัชศาสตร์ถ้าคุณเป็นผู้ชายนิสัยดีคงหยุดแต่ เพียงแค่นี้ แต่

หมอโฮล์มแค่นี้หรอก ปี 1888 หมอ โฮล์มทำการฆาตกรรมเจ้านายของเขา และฮุบร้านของเจ้านายเพื่อเป็นใบเบิกทางการหาเงิน เขากว้านซื้อพื้นที่

รอบๆนั้นเพื่อทำโรงแรมขนาดใหญ่โรงแรมที่คุณเข้าไปแล้วไม่สามารถกลับออกไปได้ตลอดกาล หมอโฮล์มจะต้อนรับแขกของเขาอย่างคุ้มค่าด้วย

ความตาย ฆ่าโดยการทำให้หายใจไม่ออกอย่างช้าๆ

ในโรงแรมที่แสนสนุกมีทั้ง หอลับ, ประตูลับ, การลื่นไหลกำแพง, ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ซ่อนเร้น ห้องทรมาน ในห้องใต้ดินหมอโฮล์มยังมีเครื่อง

ยืดร่างมนุษย์ที่แสนสนุก แต่ผู้คนจำนวนมากมายต้องเสียชีวิตลง เพื่อที่หมอจะเอากระดูกเหยื่อไปขาย และข้าวของเครื่องใช้เป็นของตนเอง

หลังจาก 1893 โรงแรมก็ขาดแคลนแขก หมอ โฮล์มและผู้ช่วยเขาร่วมมือกัน ต้มตุ๋น และทำการฆ่าผู้ช่วยเขาด้วยการเผาอำพรางเพื่อเรียกร้อง

เงินประกันและฆ่าเด็กสามคนซึ่งเป็นลูกของผู้ช่วยตาย ก่อนที่จะโดนจับและได้รับโทษประหาร

ทำเขาทำมากเท่าไหร่?

มันยากเหลือเกินที่จะเดาว่าหมอโฮล์มได้เงินกี่บาทในการการฆ่าคน เพราะเหยื่อเขามีมากเหลือเกินที่เสียชีวิตในโรงแรมเขาและน่ากลัวเหลือเกินที่

หมอโฮล์มเลือกที่จะเก็บความลั บผลประโยชน์ทั้งหมดจน กระทั้งเรื่องทั้งหมดจบลงพร้อมกับการตายของเขาแต่ในกรณีคดีฆ่าผู้ช่วยเขาหมอโฮลม

สารภาพว่าเขาได้เงินจากการประกัน $10,000

อันดับ 1. คูหามรณะ
ด็อกเตอร์มาร์เซล ปดิต (Dr Marcel Petiot) 1897 – 1946

ใครว่าสงครามมีแต่สูญเสีย แต่สำหรับคนบางคนแล้วมันมีแต่ได้กับได้ มกราคม1942 เมื่อ นาซีครอบครองฝรั่งเศส ในสงครามโลกครั้งที่ 2 มัน

เป็นช่วงเวลาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์โดยด็อกเตอร์มาร ์เซล ปดิต Marcel Petiot หมอซึ่งย้ายสู่ชื่อเมืองหลวงของฝรั่งเศส หมดที่ตั้งใจมาเพื่อ

รักษาและพยาบาลจิตใจชาวฝรั่งเศสโดยเฉพาะ (จริงๆ นะ) ขอบคุณประสบการณ์หมอมาร์เซล เขาทำตามที่เขาตั้งใจจริงๆ แหละ นั้นคือเขาขายยา

เสพย์ติด และทำแท้งเถื่อน....................ซึ่งในสงครามโลก 2 ลูกค้าเยอะมากๆ แต่หมอมาร์เซลไม่หยุดแค่นั้นหรอก เพราะเขาเห็นโอกาสของเขาที่

จะทำให้เงินสดพิเศษจำนวนหนึ่ง

เรื่องของเรื่องคือชาวยิวต้องการหนีตายจากพวกนาซี แต่จะหนีไปไหนได้ละนาซีเต็มประเทศไปหมด นั้นเองที่ทำให้หมอมาร์เซลมาเสนอว่า

เขาสามารถช่วยชาว ยิวลี้ภัยหลบหนีจาก ประเทศได้แต่ต้องมีค่าธรรมเนียมหน่อยนะสัก 25,000 เหรียญเงินตราของฝรั่งเศสต่อหนึ่งบุคคล

ลูกค้า ชาวยิวจำเป็นต้องจ่ายเพราะชีวิตสำคัญกว่าเงินแล้วหมอมาร์เซลก็บอกว่าให้พวกเขาเอาทรัพย์สินข้าวของ เครื่องใช้ทั้งหมดมาที่ บ้านหลังใหญ่

เขานะ เดี๋ยวเขาจะพาหนีไปต่างประเทศ

คุณอาจจะต้องการเพื่อหยุดการอ่านตอนนี้ ถ้าคุณเชื่อว่าเมื่อลูกค้าที่มาถึงบ้านของหมอมาร์เซลคงหนีไปประเทศอาร์เจนตินาเรียบร้อย(หมอมาร์เซลอ้างว่าเป็นจุดหมายปลายทาง) แต่ก่อนหนีคนไข้ของเขาต้องปลูกฝีฉีดยาก่อน และ...................

6 มีนาคม 1944 (นาซีโดนไล่ออกจากฝรั่งเศส) ตำรวจ บุกบ้านของหมอมาร์เซลทีี่ถูกเผาไหม้จากนั้นก็พบกองปูนขาวที่ยังไม่ผสมน้ำมากมาย

โดยในนั้นมีส่วนของร่างมนุษย์ ถูกหั่นเป็นชิ้นๆ และศพต่างๆไม่สามารถประกอบร่างคนๆได้ตำรวจยังค้นพบห้องใต้ดินขนาดใหญ่ที่มากมายพอสำหรับ

เก็บซ่อนศพ มีเตาสำหรับทำลายศพไร้หัว, และอวัยวะของศพมากมาย หมอมาร์เซลที่ถูกการจับกุมต่อมา ถูกประหารตัดหัว

ทำเขาทำเงินมากเท่าไหร่?

หมอมาร์เซลโกยเงินโดยไม่นับเฉพาะค่าธรรมเนียมใหญ่โตของเขา แค่ของมีค่าที่ติดตัวจากผู้ลี้ภัยชาวยิวก็ประมาณค่าไม่ได้แล้วแต่ถ้าให้ตีเป็นเงิน

ละก็ประมาณ 200 ล้านชื่อเหรียญเงินตราของฝรั่งเศสตอน ที่หมอมาร์เซลทำการฆาตกรรมนาซีก็รู้เห็นนะ แล้วแจ้งโดยตรงแก่อาณาจักรไรต์ที่สามของ

ฮิตเลอร์ด้วยซึ่งฮิตเลอร์ชอบใจมากๆๆ (ขอบอกว่าหมอกลายเป็นฮีโร่ไปเลย) เพราะหมอช่วยฆ่าชาวยิวให้แถมฮิตเลอร์ยังให้รางวัลแก่เขาอีก โดยให้

เหรียญตรากล้าหาญให้หมออีกด้วยนะจะบอกให้ (ถ้าเอาเหรียญนาซีนี้ไปประมูลขายคนบ้าสะสมในปัจจุบัน นี้ละก็รับลองรวยล้นฟ้า)
Credit:  board.postjung.com/754552.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 28, 2018, 04:40:42 PM โดย Admin »